ขอเริ่มต้นรีวิวที่ 2 กับ One day trip จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยเราตกลงกันว่าจะแวะหาคาเฟ่นั่งชิวที่คนไม่พลุกพล่าน ซึ่งพอเราหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็ไม่เจอที่ไหนตรงใจสักแห่ง จนกระทั่งมาเจอคาเฟ่ที่มีชื่อว่า “ใต้ถุนบาร์เพื่อนชนก” คาเฟ่ลับๆ แบบ local สุดคิ้วท์ในจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่พอเราไปแล้วชอบมากๆ เพราะมีสไตล์การตกแต่งที่ไม่เหมือนคาเฟ่อื่นๆ ให้ฟีล homie บ้านต่างจังหวัด ตัวคาเฟ่จะเป็นบ้านไม้ใต้ถุนยกสูง ด้านหน้าเป็นสนามกว้างประมาณนึง มีต้นไม้รายล้อมร่มรื่นย์ แถมยังมีบ่อน้ำด้านหน้าใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆพอสั่งกาแฟเสร็จ เข้ามาถึงด้านในก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ขอหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพกับเก้าอี้ camping สักหน่อย ถ่ายมุมไกลแล้ว ก็ซูมขยับเข้ามาอีกนิด ใกล้ชิดเข้ามาอีกหน่อย ก็ดูสวยไปอีกแบบต่อมาเป็นอีกมุมที่สามารถถ่ายให้เห็นฉากหลังซึ่งเป็นบ้านยกสูงพร้อมกับชื่อร้านที่เป็นป้ายไฟนีออนแบบเกร๋ๆมุมนั่ง Slow life มองผักตบชวาก็ดูชิลไปดี หรือ ใครเบื่อมองผักตบแล้ว หันไปมองคนข้างๆที่มาด้วยกันบ้างก็ดีนะเออ ปล. เห็นว่าแต่ก่อนในหนองน้ำด้านหน้าแทบไม่มีผักตบชวาให้เห็น เสียดายจริงๆ ถ้าเป็นน้ำใสๆคงจะดีกว่านี้ในส่วนของใต้ถุนก็จะเป็นเคาน์เตอร์ทำกาแฟ สามารถเดินมาดูพี่บาริสต้าทำกาแฟได้เพลินๆราคาก็ไม่แรงจนเกินไป เราสั่ง 2 แก้ว ราคารวมกันประมาณ 170 บาทสำหรับเครื่องดื่มที่เราสั่งก็จะเป็นกาแฟและชาเขียว กาแฟถือว่าดีงาม ส่วนชาเขียวก็อร่อย แต่อาจจะหวานไปนิสสส ส่วนใครที่เป็นสายหวานอยากทานขนม ที่นี่เค้ามีขนมเค้กหน้าตาน่าทานให้เลือกนะ แต่ทางเราขอพักก่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้เพิ่งแวะทานข้าวกลางวันมายังไม่ทันย่อย อิ่มไม่ไหวแล้วพุงจาแตกกกกหลังจากที่เรานั่งเล่นเรื่อยเปื่อยได้สักพัก ก็มีเจ้าถิ่นเดินมาหาเรา พร้อมทำสายตาเว้าวอนเพื่อดึงดูดให้มะนุดดดดอย่างเราเข้าไปเล่นด้วย สุดท้ายเราก็โดนตกเป็นทาสคอยลูบหัวลูบคางน้องจนพอใจ จากนั้นน้องก็สะบัดก้นเดินจากทาสอย่างเราไปโดยไม่สนใจใยดีน้องชื่อ"สายไหม" เป็นเด็กเชียร์แขกของร้าน ตอนนี้กำลังท้องอยู่ ใครเป็นทาสแมวก็ไปทักทายน้องได้ น้องน่าร๊ากกกกก่อนกลับก็ขอเก็บภาพบรรยากาศต่ออีกสักหน่อย Tip: วันที่เรามาอากาศไม่ร้อน แถมมีลมเย็นเบาๆ แต่ถ้ามาในวันที่อากาศกลับมาร้อนเมท่อไหร่ อาจจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจเผื่อจุกกุแร้เปียกสักหน่อยเพราะที่ร้านไม่มีโซน In door แบบติดแอร์ ปล. แต่ที่ร้านก็ยังมีพัดลมสนามตั้งบริการไว้ให้นะ น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยโดยรวมเป็นคาเฟ่ที่น่ารัก แตกต่างจากคาเฟ่อื่นๆ มีมุมให้ถ่ายรูปได้หลายมุม ทั้งตรงบริเวณสนามหน้าบ้าน และตัวชั้น 2 ของบ้าน อีกทั้งการบริการเป็นเลิศ พี่เจ้าของร้านน่ารัก บริการดี ประทับใจ ให้ 5 ดาวเล้ยยยยก่อนกลับน้องสายไหมก็แวะมาส่งทาสของเขากลับบ้าน พร้อมกับคิดในใจว่า “ไว้แวะมาเกาคางให้เราอีกนะเจ้ามะนุดดดดดดด”จริงๆก่อนไปคาเฟ่ เราก็แวะไปทานอาหารร้านเด็ดของที่นี่มาด้วยนะ ในกลุ่มรีวิวร้านอาหารทุกกลุ่มชี้เป้าตรงกันว่า ถ้าไปสุพรรณต้องไม่พลาดที่จะแวะมาร้าน “กุ่ยหมง” บางปลาม้า ร้านดังในตำนาน เพราะถ้าคุณไม่มา คุณจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง (เสียงอาต๋อยเซมเบ้ เอ้ย! อาต๋อย ไตรภพ)เราสั่งไปทั้งหมด 3 เมนู ซึ่งเป็นเมนู Signature ของร้าน ประกอบไปด้วย "เนื้อปลากรายผัดกระเพากระเทียมโทน" "ต้มยำปลาคัง"ที่มีรสชาติแซ่บกลางๆสไตล์จีน และที่พลาดไม่ได้ก็คือ "กุ้งทอดเกลือ" โดยเราสั่งมา 1 ตัว น้ำหนัก 3 ขีด ราคา 1000 บาท ซึ่งรสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะกุ้งที่เนื้อแน่นมากและมันส่วนหัวก็เยิ้มสุด ยิ่งพอกินกับน้ำจิ้มซีฟู๊ด ขอบอกเลยว่าฟินเวอร์เบอร์ 5 (สรุปรวมราคาทั้ง 3 เมนูก็ตกอยู่ที่ 1470 บาท)ก็จบไปแล้วกับการรีวิวคาเฟ่ลับในจังหวัดสุพรรณบุรี แถมด้วยรีวิวสั้นๆของร้านอาหารชื่อดัง ซึ่งจริงๆแล้วเรามีที่ๆอยากไปอีกหลายที่ เช่น อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง และ พระพุทธปุศยคีรีสุวรรณภูมิ แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัดเพราะทั้ง 2 สถานที่อยู่ห่างจากคาเฟ่ที่เราไปพอสมควร สุดท้ายก็เลยต้องพอแค่นี้ ไว้คราวหน้ามีโอกาสมาอีกก็จะมาเขียนรีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านกัน สำหรับวันนี้ก็เช่นเคย ม้าที่ว่าเร็วก็ต้องแพ้ลา เพราะลาไปก่อน สวัสดีครัชภาพถ่ายทั้งหมดโดย (By My Side: ผลัดกันถ่าย)ติดตามทริปอื่นๆของพวกเราได้ที่:Facebook: https://www.facebook.com/Bymyside.29/หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !