วันนี้ ผู้เขียนและครอบครัวได้เดินทางไปเฝ้าบ้านให้น้า เนื่องจากน้าเดินทางกลับต่างจังหวัดเป็นเวลา 1 เดือน ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ พวกเราจะหอบผ้า หอบผ่อน ไปนอนที่บ้านน้าหลังนี้ เดิมทีปกติแล้วเวลาน้ากลับต่างจังหวัดนาน ๆ ก็จะเอ่ยปากให้พวกเรามาดูแลบ้านให้แบบนี้ตลอด บางครั้งก็ไปไม่นาน แต่ครั้งนี้ น้าไปนานเป็นเดือนเลยทีเดียว จริง ๆ แล้วน้าได้ประกาศขายบ้านหลังนี้แล้วแต่ยังหาคนมาซื้อไม่ได้ น้าจึงเดินทาง ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ บ้านต่างจังหวัดและบ้านหลังนี้ที่ภูเก็ตตลอด ลักษณะของบ้านจะเป็นบ้านจัดสรร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่นและห้องครัว บ้านหลังที่น้าซื้อไว้นี้ จะต่างจากบ้านอื่นนิดหน่อยก็ตรงที่ด้านข้างบ้านจะเป็นหลังสุดท้ายของล๊อคนี้ ทำให้มีพื้นที่นิดหน่อยข้างบ้านที่เป็นดิน ซึ่งพื้นที่ตรงส่วนนี้ที่น้าได้ปลูกต้นมะม่วง ต้นตะลิงปลิง ต้นหม่อน ไม้กระถางผักสวนครัว เช่น พริก กะเพรา เป็นต้น ไว้อย่างละนิด อย่างละหน่อย พอได้กิน ภาพโดย : ผู้เขียน เช่นเคยพวกเราเดินทางกันมาตั้งแต่คืนวันศุกร์ คุณแม่กับคุณลูกสาวเดินทางมากันก่อน ส่วนผู้เขียนตามมีหลังเลิกงานเนื่องจากต้องเข้าไปเอาชุดทำงานอีกชุดที่ห้องเราเองก่อน รวมถึงสัมภาระเครื่องใช้ส่วนตัวต่าง ๆ ด้วย ภาระกิจของเราทั้ง 3 ชีวิต คือ มานอนและรดน้ำต้นไม้ กวาดบ้าน หน้าบ้าน ฉะนั้น ภาระกิจฝากท้องจึงอาศัยในครัว ในตู้เย็น น้า นี่ละ เช้านี้เราตื่นกันสายหน่อย เพราะเป็นเช้าวันอาทิตย์ เราทุกคนหยุดกันหมด ผู้เขียนตื่นก่อน ตื่นมารดน้ำต้นไม้ และกวาดใบไม้ หน้าบ้าน ลูกสาวตื่นตามออกมา สายขนาดนี้แล้วแต่เรายังไม่ได้กินข้าวกันเลย จะกินอะไรดีหนอ สำรวจตู้เย็นน้าแล้ว แทบไม่มีอะไรเหลือเลยนอกจากน้ำดื่ม เพราะเวลาน้าไม่อยู่พวกของสดน้าจะเก็บให้หมดก่อน ขณะที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่นั้นตาก็พลันไปเห็นลูกสาวกำลังเด็ดใบกะเพราอยู่เพื่อเอามาเล่น เลยนึกขึ้นมาได้ มื้อนี้ผัดกะเพรากินดีกว่าเรา ขอบใจนะลูกสาวที่ทำให้พ่อนึกเมนูออก ฮ่า ๆ เลยให้ลูกสาวเก็บใบกะเพราต่อเลย เผื่อพ่อด้วยนะ ใกล้ ๆ กันจะมีต้นพริกเม็ดเล็ก ๆ อยู่ เรียกไม่ถูกว่าเป็นพริกอะไร แต่มีไม่มาก แต่น่าจะพอได้สักเมนูวันนี้ ต้นพริกนี้เดี๋ยวพ่อเก็บเอง ลูกสาวจะแสบตาแสบหน้าเอาเวลาเอานิ้วปาดหน้าปาดตา ภาพโดย : ผู้เขียน เมนูที่อยากกินมากตอนนี้ก็คือ ผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า แทบจะจำไม่ได้แล้วว่า เมนูนี้ได้กินครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันแน่ นานจนจำไม่ได้แล้วจริง ๆ เมื่อรดน้ำต้นไม้ และผักกระถาง เรียบร้อยแล้ว ก็ออกไปตระเวณหาซื้อไข่เยี่ยวม้า กับหมูสับที่ร้าน Super Market หน้าปากซอย ได้มา 1 แพ็ค 4 ฟอง กับหมูสับที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสดสักเท่าไหร่เลย แต่ก็หิวแล้วเวลานี้ ตลาดก็อยู่ไกลมากเอาอันนี้ไปก่อนละกัน เมื่อทุกอย่างได้มาแล้วก็เช็ควัตถุดิบกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง ส่วนประกอบหลัก ๆ ที่เรามี 1.ไข่เยี่ยวม้า 2.หมูสับ 3.ใบกะเพรา 4.พริก 5.กะเทียม 6.ซอสปรุงรส 7.ซี้อิ้วดำหวาน ประมาณนี้ที่เรามีในครัวน้า ผงชูรสเราไม่ใส่ ประกอบกับน้าเป็นคนไม่ทานผงชูรสในครัวน้าเลยไม่มีของพวกนี้ ส่วนน้ำตาลมีอยู่แต่พยายามเลี่ยงที่จะไม่ใส่ เพราะหมูสับเมื่อผัดก็จะมีความหวานออกมาเองอยู่แล้ว ภาพโดย : ผู้เขียน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว มาลุยกันดีกว่านะครับ หิว ตาจะลายอยู่แล้ว ข้าวที่หุงไว้ก็ใกล้จะสุกแล้วเริ่มมีกลิ่นหอมฉุยออกมาจากฝาหม้อแล้ว ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ไม่ใช่เชฟ ไม่ใช่กุ๊ก หรือพ่อครัวมือสมัครเล่นหรือมืออาชีฟ เผชป็นแค่พ่อบ้านที่อยากกินฝีมือตัวเองเท่านั้น ขั้นตอนในการทำอาหารจะออกตามใจผู้เขียนเองไปหน่อยนะ ฉะนั้น ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยนะครับนะ มาลุยกันเลยดีกว่า เริ่มกันที่ ตั้งกะทะใส่น้ำมันเปิดไฟอ่อน ๆ ทอดไข่เยี่ยวม้ากันก่อน ภาพโดย : ผู้เขียน ระหว่างรอไข่เยี่ยวม้าสุก จัดการทุบกระเทียมกับพริกต่อเลย วิธีการก็แบบลูกทุ่ง ๆ ใช้ถุงพลาสติคใสใส่กระเทียม พริกข้างใน สากทุบเอาพอแตก เพราะเราทำไม่เยอะ วิธีนี้นี่ละสะดวกดีไม่สงวนลิขสิทธิ์นะครับ แต่เชื่อว่าหลายคนก็เคยทำแบบนี้ ฮ่า ๆ หันไปดูกะทะอีกที ไข่เยี่ยวม้าก็สุกได้ที่ตักใส่จานพักไว้ก่อน ภาพโดย : ผู้เขียน เมื่อได้กระเทียมกับพริกทุบเรียบร้อยแล้ว เอากะทะตั้งไฟอีกรอบเพื่อผัดพริกกับกระเทียมให้หอม พอหอมได้ที่แล้ว ใส่หมูสับตามลงไป แล้วรวนกับกระเทียมพริกให้เข้ากัน ตอนนี้เริ่มจะหอม น้ำลายไหลแล้วละครับ ผัดไปสักพักให้น้ำที่เราผัดเริ่มแห้งลง แล้วเราก็ใส่ใบกะเพราลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย ผัดต่ออีกนิดเดียว นิดเดียวจริง ๆ นะครับ เพราะผัดนานใบกะเพราที่เราใส่ลงไปจะเหี่ยวไม่น่าทาน จะปิดเตาก่อนแล้วใส่ใบกะเพราก็ยังได้เลยครับ เพราะความร้อนยังมีอยู่ในน้ำแกงที่เราผัด เท่านี้ก็ได้ความหอมของกะเพรา โชยกลิ่นไปยั่วยวน จมูกของคุณแม่ที่ยังนอนหลับบนที่นอนให้ลุกออกจากเตียงได้แล้ว ภาพโดย : ผู้เขียน ขั้นตอนสุดท้ายแล้วครับ นั่นก็คือ ตักผัดกะเพราไปราดบนไข่ยี่ยวม้าที่เราทอดไว้ในช่วงแรก ตักพอประมาณพอกินก่อน ที่เหลือค่อยเติมอีกที มื้อนี้ได้จานโตเลยกินได้ถึงเย็นเลยหล่ะ เห็นหน้าตาที่ออกมาในจานแล้วก็แอบยิ้ม ภูมิใจในฝีมือตัวเองอยู่ไม่ใช่น้อย แต่เรื่องรสชาติมาดูกันอีกทีนะ รอคำตอบจากปากคุณแม่อยู่เหมือนกัน ตอนนี้น่าจะตื่นแล้วได้ยินเสียงอาบน้ำ ดุลูกสาวอยู่หน้าบ้านแล้ว ภาพโดย : ผู้เขียน ผู้เขียนขอแถมอีกเมนู ไข่ดาวสำหรับลูกสาว เพราะกินผัดกะเพราที่พ่อทำไม่ได้หรอก เผ็ดแน่นอนเลย และแล้วก็ได้ไข่ดาวสองฟอง เผื่อคุณแม่กินด้วย คนละฟอง ส่วนผู้เขียนขอกินไข่เยี่ยวม้าแทนละกัน อยากกินใจจะขาดอยู่แล้ว ภาพโดย : ผู้เขียน ตอนนี้ ข้าวสวยในหม้อก็สุกแล้ว กับข้าวเมนู ผัดกะเพราไข่เยี่ยวม้า ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว ตักข้าวใส่จานไปจัดวางหน้าบ้านกันเลย ว่าแล้วก็เรียกคุณแม่ และคุณลูกสาวเพื่อมากินข้าวพร้อม ๆ กัน มื้อนี้ขาดน้ำพริก ส่วนผักก็มีแค่มะเขือหยดน้ำเหลืออยู่นิดหน่อยพอได้กิน อ้ำ เริ่มกินแล้วนะครับ ภาพโดย : ผู้เขียน คำแรกให้คุณแม่ทานก่อน ผู้เขียน ถามขึ้น "รสชาติฝีมือพ่อเป็นยังไงบ้าง" คุณแม่เคี้ยวอยู่สักพัก หลังจากกลืนแล้ว ให้คำตอบว่า "ก็พอได้อยู่นะ อร่อยอยู่" วินาทีนี้ผู้เขียนโล่งอกแล้วหล่ะ ว่า ผ่าน งั้นลองชิมด้วยตัวเองดูสิ คำแรกเป็นไง ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ ไม่อยากบอกว่า ความหวานของหมูสับที่ตอนแรกเราไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่เพราะไม่สดมากตามที่ต้องการ พอเคี้ยวกับใบกะเพราะและพริกเม็กเล็ก ๆ พร้อมไข่เยี่ยวม้าทอด แล้ว อืมมม อหร่อยมาก คุ้มค่ากับการเก็บใบกะเพราของลูกสาว คุ้มค่ากับความร้อนหน้าเตาในครัว พริกก็เผ็ดนิด ๆ กำลังดี ภาพโดย : ผู้เขียน สรุปว่า มื้อนี้ รสชาติอร่อย คุณเมียให้ ผ่าน ครับ ลองเอาไปทำกินกันดูนะครับ ก่อนจบบทความฝากความเห็นนิดหนึ่งเรื่องใบกะเพรา ผู้เขียนจะชอบใบกะเพราแบบนี้มากแบบใบเล็ก ๆ กะเพราแบบบ้าน ๆ ที่เห็นขายตามท้องตลาดใบใหญ่ ๆ สำหรับผู้เขียนมีความเห็นว่า แบบนั้นความหอมไม่ค่อยสู้แบบใบเล็กเท่าไหร่ อันนี้แล้วแต่ความชอบนะครับ ลองเอาไอเดียไปทำทานกันดูนะครับ อร่อยจึงบอกต่อ คราวหน้าจะมีเมนูอะไรมาฝากอีกติดตามบทความของ พ่อน้องน้ำมนต์ ด้วยนะครับ