หากนับย้อนไปหลายสิบหรือร้อยปีที่แล้ว ผมเดาว่า คงมีเครื่องปรุงไม่กี่ชนิดที่เกิดขึ้นในยุคนั้น และข้าวคั่วก็อาจจะเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงที่เกิดขึ้นมาในยุคก่อน ๆ คู่ครัวคนอีสานมาช้านาน เพราะตั้งแต่ผมเกิดมาก็เห็นการนำข้าวคั่วมาประกอบอาหารมากมายหลายเมนู ซึ่งเครื่องปรุงชนิดนี้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ สามารถปรุงอาหารได้หลายประเภท โดยเฉพาะอาหารประเภทลาบ ก้อย ซึ่งกระบวนการทำข้าวคั่วมีขั้นตอนที่ไม่ยาก ทุกวันนี้สามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป แต่ข้าวคั่วสามารถทำเองได้ง่ายและทำให้มีกลิ่นหอมกว่าตามตลาดเลยก็ได้ วิธีการและขั้นตอนการทำข้าวคั่ว ขั้นตอนแรก นำข้าวสารเหนียว ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ไหนก็ได้ ใส่ลงในหม้อ จากนั้นคั่วด้วยไฟกลางประมาณ 30 นาที หรือจนกว่าสีของข้าวจะออกสีน้ำตาล ไหม้นิดนึง ในระหว่างการคั่ว ให้คนตลอดนะครับ เพราะจะทำให้ข้าวสุกสม่ำเสมอ ถ้าปล่อยไว้นาน ข้าวจะไหม้แค่จุดเดียว มีสีดำและทำให้ข้าวคั่วขมได้ เพราะฉะนั้นต้องคนให้ทั่วถึงตลอดเวลา จากนั้น เมื่อเราคั่วข้าวคั่วเสร็จแล้ว (ตามภาพด้านบน) ใส่ข้าวลงไปในครกทีละน้อยแล้วโขลกจนกว่าจะละเอียด หรือขณะที่ตำสามารถนำตะแกรงร่อน ร่อนข้าวที่ยังไม่ละเอียดออก แล้วโขลกซ้ำจนกว่าจะละเอียดหมด และที่สำคัญ ต้องโขลกขณะร้อน ๆ นะครับ จะทำให้โขลกละเอียดได้ง่าย สามารถชิมไปด้วยได้นะครับ รสชาติหอมอร่อยมาก ยิ่งก้อนใหญ่ ๆ เขี้ยวมันมากครับ ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อโขลกเสร็จแล้วนำไปบรรจุใส่ภาชนะแก้วหรือพลาสติกก็ได้ครับ สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปีเลย แต่ถ้ากลิ่นข้าวคั่วมีกลิ่นเพี้ยนไป ให้ทำใหม่ดีกว่าครับ เพราะจะทำให้อาหารของเรามีรสชาติเพี้ยนไปเช่นกัน หวังว่าวิธีการทำข้าวคั่วในบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ เพราะถ้าเราสามาถทำไว้ใช้เองได้ ก็จะลดภาระค่าใช้จ่ายจำพวกนี้ลงไปได้เยอะเลยครับ ถึงจะเป็นวิธีที่ง่าย แต่ก็ทำยากเหมือนกันนะครับสำหรับมือใหม่ สำหรับบทความนี้ขอฝากไว้เพียงเท่านี้นะครับ สวัสดีครับ