วันก่อนออกไปซื้อผลไม้ในตลาด เห็นสละวางขายบนแผงแล้วก็นึกถึงกลิ่นหอม ๆ สดชื่น ๆ ของสละก็เลยซื้อมาไว้ก่อน ตอนแรกคิดว่าจะทานเปล่า ๆ นั่นแหละ หรือไม่ก็เอาไปปั่นเป็นสมูธตี้ แต่พอดีมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งส่งสูตรไอศครีมกะทิมาให้ หลังจากลองทำไอศครีมกะทิก็คิดว่าน่าจะลองทำไอศครีมซอร์เบต์ดูบ้าง เพราะปกติเราไม่ค่อยชอบไอศครีมนมเท่าไหร่ แต่จะชอบพวกเชอร์เบ็ทที่มีไขมันหรือนมน้อยมากหรือไม่ก็พวกซอร์เบต์ที่ไม่มีนมผสมเลยมากกว่า พูดถึงเรื่องไอศครีมเชอร์เบ็ทกับซอร์เบต์นี่ ก่อนหน้านี้ก็ยังงง ๆ ว่ามันเหมือนกันไหม หรือเรียกให้เก๋ ๆ ต่างกันแค่นั้น พอลองเสิร์ชหาข้อมูลดูก็พอรู้คร่าวๆ ว่าเชอร์เบ็ทจะเป็นไอศครีมที่มีนมหรือไขมันน้อยกว่า 3% ส่วนใหญ่จะเป็นรสผลไม้ ส่วนซอร์เบ็ทนั้นจะไม่มีนมหรือไขมันผสมเลย บางคนก็บอกว่าซอร์เบต์มันก็คือน้ำแข็งไสดี ๆ นี่เอง แต่ว่า พอหาข้อมูลมากเข้า ซอร์เบต์นี่ก็เรียกน้ำแข็งไสก็ไม่ได้อีก เพราะมีพี่น้องมันอีกตัวหนึ่งที่ใกล้เคียงกับซอร์เบต์และมีลักษณะคล้ายน้ำแข็งไสบ้านเรามากกว่าอีก นั่นก็คือกรานิต้า แต่กรานิต้าก็จะมีลักษณะต่างจากซอร์เบตอยู่บางจุด เช่น เนื้อของกรานิต้าจะหยาบกว่าคล้าย ๆ น้ำแข็งไส แต่ซอร์เบต์นั้นเนื้อจะละเอียดกว่า เนียนกว่า เพราะมีกรรมวิธีการทำต่างกันและส่วนผสมต่างกัน และกรานิต้านั้นโดยมากจะดัดแปลงไปอยู่ในอาหารคาว แต่ซอร์เบต์นั้นมักจะจัดเป็นของหวาน ของว่างเสียมากกว่า เป็นต้น พอได้สละมากิโลหนึ่งก็เลยลองทำเองตามความเข้าใจ แต่พอจะเริ่มทำก็ชักลังเลว่ามันจะเป็นเนื้อไอศครีมได้ยังไงถ้ามีแค่น้ำผลไม้ เลยลองไปหาสูตรในอินเตอร์เน็ทอีกสักหน่อย ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะต้องใส่กลูโคสลงไปด้วย เอ้า...เรื่องใหญ่เลย แล้วจะไปหากลูโคสที่ไหนได้ และกลูโคสมีไว้เพื่ออะไรอ่ะ ไปหาข้อมูลเพิ่มก็ปรากฏว่ากลูโคสจะช่วยให้เนื้อไอศครีมเนียนขึ้น แต่ถ้าไม่มีจะใช้น้ำเชื่อมข้าวโพดก็ได้...โห ดีเลย เพราะเคยซื้อน้ำเชื่อมข้าวโพดมาทำรอยัลไอซิ่งในคุ้กกี้น้ำตาล เลยลองทำ ลองใส่ข้าวของตามความรู้สึกของตัวเองนี่แหละ ไม่ได้จดอัตราส่วนวัตถุดิบไว้ด้วย เพราะลองทำดูก่อน สละที่แกะแล้วก็เอามาฝานเอาเฉพาะเนื้อจนได้ประมาณสักสองถ้วยตวง ก็เอาตั้งไฟ เติมน้ำไปสัก 300 มิลลิลิตร เติมน้ำตาลลงไปแล้วใช้วิธีชิมเอาว่าหวานพอไหม จากเท่าที่อ่านข้อมูลมา เขาว่าซอร์เบต์นี่ควรปรุงรสให้เข้มสักหน่อยเพราะเวลาเอามาปั่น รสชาติมันจะจางลง พอชิมรสว่าหวานได้ที่ก็บีบมะนาวลงไปให้มันเปรี้ยวหน่อยจะได้สดชื่น เปิดช่องฟรีซดู เห็นสตรอเบอรี่แช่แข็งมีเหลืออยู่นิดหน่อย เลยจับใส่ในหม้อต้มด้วย รสชาติก็น่าจะไปกันได้ ต้มจนน้ำตาลละลายและรู้สึกว่ารสชาติของสละมันเริ่มออกมาแล้วก็พอ ทิ้งไว้ให้เย็นสนิทก็เอาใส่กล่อง ปิดฝาให้สนิท จับเข้าช่องฟรีซไว้จนแข็ง ตามสูตรเขาว่าประมาณสัก 6 ชั่วโมง ก็เอาออกมาปั่นในเบลนเดอร์ จะขูดหรือแงะยังไงก็ได้ เราใช้มีดตัดและแงะออกมาจากกล่อง รอบแรกนี่จะเห็นเลยว่าเนื้อของมันเป็นน้ำแข็งแบบแฉก ๆ เลย ซึ่งขั้นตอนของการทำซอร์เบต์กับกรานิต้าตามที่เราเข้าใจมันจะต่างกันตรงนี้ด้วยอีกอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นกรานิต้านี่ต้องรอดูจังหวัดที่มันเริ่มแข็งตัวแต่ยังไม่แข็งเต็มที่ ก็ให้เอาส้อมขูดจนเนื้อน้ำแข็งร่วนแล้วแช่ต่อ พอเริ่มแข็งอีกก็ขูดอีก เนื้อของกรานิต้าก็จะเหมือนน้ำแข็งไส แต่การทำซอร์เบต์ที่มีเนื้อเนียนกว่านี่น่าจะต้องเอาเข้าเครื่องปั่นหรือปั่นในเบลนเดอร์อย่างที่เราทำนี่แหละ เนื้อของไอศครีมซอร์เบต์สละที่ได้จากการปั่นรอบแรกก็จะเนียนขึ้น เราจับแช่ช่องฟรีซต่ออีก จริง ๆ จะตักทานเลยตอนนี้ก็ได้นะคะ แต่เราอยากให้มันเนียนขึ้นอีกหน่อยก็เลยแช่อีกรอบ และเอาไปปั่นอีกรอบ คราวนี้เนื้อเนียนสมใจเลย แต่ไอศครีมที่ทำเองนี่มันจะมีจุดอ่อนตรงที่จะละลายง่ายเพราะเราไม่ได้ใส่สารคงตัวที่จะยืดอายุไม่ให้ไอศครีมละลายเร็วเกินไป จริง ๆ จะใส่เจลาตินช่วยก็ได้ แต่ตอนที่ทำ หาเจลาตินไม่เจอเลยจริง ๆ ไม่รู้ไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เลยทำให้ไอศครีมเนื้อเนียนขึ้นจริงจากน้ำเชื่อมข้าวโพดที่ใส่ลงไป แต่ละลายเร็วไปหน่อย ต้องรีบทานค่ะ พอประสบความสำเร็จกับไอศครีมซอร์เบต์สละแล้วนี่ ในหัวก็เริ่มคิดถึงไอศครีมรสแปลก ๆ ที่อยากทาน เพราะมันทำได้ง่ายจริง ๆ