9 วิธีเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ที่ดูธรรมดา แต่ส่งเสริมโภชนาการได้ มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ทุกวันนี้หลายคนเลือกกินอาหารจากความเคยชินมากกว่าการวางแผน และนั่นคือสิ่งที่ทำให้หลายคนคิดว่าการเพิ่มคุณค่าทางอาหารต้องเริ่มจากการเปลี่ยนเมนูครั้งใหญ่ ทั้งที่จริงแล้วเราสามารถยกระดับมื้อธรรมดาให้ดีขึ้นได้ ด้วยการขยับเพียงเล็กน้อยในสิ่งที่เราทำอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนเตรียมวัตถุดิบ วิธีจัดครัว หรือการเติมส่วนผสมง่ายๆ ลงในจานเดิม ซึ่งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มีส่วนช่วยให้เรากินดีขึ้นได้โดยไม่รู้สึกว่าต้องพยายามมาก และทำให้การดูแลตัวเองผ่านอาหารเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในทุกบ้านค่ะ เพราะเมื่อเรามองภาพใหญ่ของพฤติกรรมการกินออก เราจะเห็นว่าความสำเร็จไม่ได้มาจากรายการอาหารที่ซับซ้อน แต่มาจากระบบเล็กๆ ที่เราออกแบบให้ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน และต่อไปนี้คือแนวคิดที่จะช่วยให้เราเพิ่มคุณค่าให้แต่ละมื้อได้ง่ายขึ้นนะคะ โดยเนื้อหาจะเน้นไปที่การจัดสภาพแวดล้อม การเตรียมของให้พร้อม และการสลับรูปแบบการปรุงอย่างเหมาะสม ซึ่งแนวทางทั้งหมดในบทความนี้เป็นวิธีที่ไม่ต้องเริ่มใหม่ ไม่ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิต เพียงแค่ปรับนิดหน่อย และนำไปทำให้ต่อเนื่อง ก็เพียงพอให้ทุกจานของเราดีขึ้นโดยไม่รู้ตัวค่ะ งั้นเรามารู้กันเลยดีกว่าค่ะ 1. เพิ่มเห็ดลงในเมนูประจำ การเพิ่มเห็ดลงในเมนูประจำทำได้ง่ายกว่าที่คิด หากเราเริ่มจากการเตรียมเห็ดให้พร้อมใช้เสมอ เช่น ล้าง ตัดโคน และเก็บในกล่องที่เจาะอากาศในตู้เย็น ทำให้หยิบใส่เมนูใดก็ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเตรียมใหม่ทุกครั้ง เราอาจเลือกซื้อเห็ดหลายชนิดปนกันไว้ เช่น เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดชิมิจิ เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่หลากหลายและไม่รู้สึกจำเจ เวลาเราทำเมนูเดิมๆ อย่างผัดผัก แกงจืด ข้าวผัด หรือยำ ก็เพียงเพิ่มเห็ดเข้าไป 1 กำมือ ก็ช่วยให้จานนั้นมีความเข้มข้นและความอร่อยเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องปรับสูตรมากนัก อีกวิธีที่ทำได้ง่ายคือเลือกเมนูที่คู่กันดีกับเห็ดเป็นประจำ เช่น ผัดน้ำมันหอยแบบเห็ดล้วน เห็ดผัดเนย กระเพาะปลาเจจากเห็ดหูหนู หรือซุปใสที่เติมเห็ดเพิ่มปริมาณให้ดูเต็มชามขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มเครื่องปรุงมากเกินไป เรายังสามารถนำเห็ดไปย่าง อบลมร้อน หรือคลุกซอสเล็กน้อยให้เป็นของทานเล่นแทนขนมกรุบกรอบได้ด้วย ทำให้การกินเห็ดไม่จำกัดอยู่แค่ในเมนูหลัก แต่กลายเป็นของว่างที่กินง่ายขึ้น เมื่อเรามีเมนูเห็ดหลายแบบหมุนเวียนกัน ความเคยชินจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นและทำให้การกินเห็ดเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นธรรมชาติค่ะ 2. ใช้น้ำซุปผักหรือกระดูกแทนผงปรุงสำเร็จ การใช้น้ำซุปผักหรือซุปกระดูกแทนผงปรุงสำเร็จ เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เราได้รสชาติกลมกล่อมแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งผงแต่งรสมากจนเกินความจำเป็น ซึ่งเราสามารถเตรียมน้ำซุปง่ายๆ จากผักพื้นฐานอย่างแครอท หอมหัวใหญ่ ผักกาดขาว ขึ้นฉ่าย หรือเพิ่มกระดูกหมู กระดูกไก่เพื่อให้ได้รสเข้มขึ้นค่ะ จากนั้นแบ่งใส่กล่องเล็กๆ แช่แข็งไว้ เมื่อต้องการใช้เพียงหยิบออกมาอุ่นก็พร้อมปรุงอาหารได้ทันที วิธีนี้ช่วยให้เราปรุงเมนูผัด ต้ม แกง หรือซุปได้ไวขึ้น และยังลดปริมาณเครื่องปรุงโดยที่ยังรักษารสชาติเดิมที่คุ้นเคย อีกเคล็ดลับคือการปรับสูตรให้เข้ากับเมนูที่เราทำเป็นประจำ เช่น ถ้าปกติใช้ผงปรุงเพื่อเพิ่มรส เราสามารถเติมน้ำซุปลงไปทีละน้อยแทน แล้วปรุงด้วยเครื่องครัวพื้นฐานอย่างซีอิ๊วขาว เกลือ หรือกระเทียมให้พอดี การทำแบบนี้ทำให้รสชาติออกมานุ่มลึกและไม่จัดจนเกินไป เรายังสามารถทำน้ำซุปเข้มข้น โดยเคี่ยวให้ลดลงครึ่งหนึ่งแล้วเก็บในขวดเล็กๆ เพื่อใช้เป็นเบสปรุงรสแทนผงสำเร็จในหลายเมนู วิธีนี้ช่วยให้การทำอาหารในบ้านง่ายขึ้น ประหยัดขึ้น และได้รสชาติบ้านๆ ที่กินได้ทุกวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้ผงปรุงมากเกินไปค่ะ 3. เติมผักเพิ่ม 1 กำมือลงในทุกจาน การเติมผักเพิ่มเพียง 1 กำมือลงในทุกจานเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ในการเพิ่มปริมาณผักโดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนูที่เราคุ้นเคยเลยค่ะ เราแค่เตรียมผักล้างสะอาดไว้ล่วงหน้า เช่น ผักกาดขาว คะน้า แครอท แตงกวา หรือเห็ด แล้วแยกเก็บในกล่องพร้อมใช้ เวลาเราทำอาหารหรือสั่งอาหารจานเดียว ก็เพียงหยิบผักที่เตรียมไว้เติมลงไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นต้มจืด ข้าวผัด ผัดผัก ก๋วยเตี๋ยว หรืออาหารจานแกง ผักที่เพิ่มเข้าไปจะผสมกลมกลืนกับเมนูเดิม ทำให้กินง่ายโดยไม่รู้สึกว่าต้องปรับวิธีทำอาหารใหม่เลย เคล็ดลับเพิ่มเติมคือเลือกผักที่เข้าคู่กับเมนูต่างๆ เพื่อให้รสชาติไปด้วยกัน เช่น เติมผักบุ้งหรือคะน้าในผัดและก๋วยเตี๋ยว เติมฟักทองหรือแครอทในแกง เพิ่มแตงกวาหั่นในอาหารจานเดียว หรือใส่ผักกาดขาวในซุปเพื่อเพิ่มความหวานธรรมชาติ การมีผักหลากหลายชนิดไว้ในตู้เย็นช่วยให้เราหยิบใส่ได้ทันทีในทุกมื้อ และยิ่งถ้าเตรียมไว้ล่วงหน้า การเติมผัก 1 กำมือจะกลายเป็นนิสัยที่ทำง่ายมาก จนทุกจานของเรามีผักเพิ่มขึ้นแบบไม่ต้องพยายามค่ะ 4. เลือกใช้ธัญพืชไม่ขัดสีแทนบางมื้อ การเลือกใช้ธัญพืชไม่ขัดสีแทนบางมื้อเป็นวิธีที่เราเปลี่ยนได้แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ต้องปรับรูปแบบอาหารจนรู้สึกฝืน โดยเราอาจเริ่มจากการผสมข้าวกล้องกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1:1 เพื่อให้รสชาติยังคงคุ้นเคย หรือเลือกขนมปังโฮลวีตแทนบางเช้าโดยไม่ต้องกินทุกวันก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ หรือข้าวโพดเมล็ดแช่แข็งลงในซุปหรือแกงจืด เพื่อให้ความหนึบและเพิ่มเนื้อสัมผัส ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ธัญพืชไม่ขัดสีเป็นเรื่องธรรมชาติและไม่กระทบรสชาติของเมนูเดิมที่เราชอบค่ะ และอีกเคล็ดลับคือการเตรียมธัญพืชไว้ล่วงหน้า เช่น หุงข้าวกล้องเป็นกล่องเล็กๆ แช่เย็นไว้หรือทำโอ๊ตมื้อเย็นที่สามารถหยิบทานได้ทันทีในตอนเช้า การมีธัญพืชพร้อมใช้ช่วยให้เราหยิบมาผสมผสานกับเมนูที่กินประจำได้ง่ายขึ้น เช่น โรยข้าวโอ๊ตลงในโยเกิร์ต ใช้เมล็ดธัญพืชผสมในสลัด หรือใส่ข้าวกล้องลงในเมนูข้าวราดแกง วิธีนี้ทำให้เราเพิ่มสัดส่วนธัญพืชไม่ขัดสีในแต่ละวันโดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนูทั้งจาน เพียงแค่เติมหรือสลับบางมื้อก็เพียงพอที่จะทำให้กลายเป็นนิสัยที่ทำได้ต่อเนื่องค่ะ 5. เติมโปรตีนเล็กน้อยลงในทุกมื้อ การเติมโปรตีนเล็กน้อยลงในทุกมื้อเป็นเคล็ดลับ ที่ช่วยให้มื้ออาหารดูลงตัวขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนูหลักเลยค่ะ โดยเราอาจเตรียมโปรตีนที่เก็บได้นาน เช่น ไข่ต้ม เต้าหู้หั่นลูกเต๋า ถั่วลิสงคั่ว หรือปลากระป๋องในน้ำแร่ไว้ติดครัว เมื่อจะกินอะไรก็เพียงเติมลงไปเล็กน้อย เช่น โรยถั่วลงในสลัด ใส่ไข่ต้มครึ่งฟองลงในเมนูข้าวราดแกง เติมเต้าหู้ลงในแกงจืด หรือใส่ปลากระป๋องลงในยำ วิธีนี้ทำให้เราเพิ่มสัดส่วนโปรตีนแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องคิดสูตรใหม่หรือเสียเวลาเตรียมมากเป็นพิเศษค่ะ อีกวิธีคือจัดโปรตีนพร้อมใช้ไว้ในตู้เย็น เช่น ไก่อบหั่นชิ้นเล็กๆ หมูสับรวนสุก หรือเต้าหู้ย่างเก็บกล่องไว้ เวลาเราทำเมนูอะไรก็ตามก็สามารถเติมลงไปให้จานสมบูรณ์ขึ้นทันที การมีโปรตีนหลายแบบหมุนเวียนช่วยให้เราสลับรสชาติได้ง่าย ไม่เบื่อ และทำให้การเพิ่มโปรตีนเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารในทุกวันโดยไม่ต้องพยายามมาก เมื่อเราทำจนชิน การเติมโปรตีนเล็กน้อยจะกลายเป็นนิสัยที่ช่วยให้แต่ละมื้ออยู่ท้องและสมดุลขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ 6. สลับน้ำมันพืชให้หลากหลาย การสลับน้ำมันพืชให้หลากหลายเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่เรานำไปใช้ได้ทันทีเพียงแค่ไม่ยึดติดกับน้ำมันชนิดเดียว เราอาจมีน้ำมัน 2–3 แบบไว้ในครัว เช่น น้ำมันรำข้าวสำหรับผัดทั่วไป น้ำมันมะกอกสำหรับเมนูย่างหรือคลุกสลัด และน้ำมันถั่วเหลืองหรือคาโนลาไว้สำหรับการทำอาหารในปริมาณมาก วิธีนี้ช่วยให้รสชาติของเมนูหลากหลายขึ้นและเหมาะกับประเภทการปรุงสุกที่ต่างกัน ทำให้การทำอาหารสนุกขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนสูตรใดๆ อีกเคล็ดลับคือเลือกน้ำมันตามลักษณะเมนู เช่น เมนูผัดเร็วใช้รำข้าว เมนูที่ต้องการความหอมใช้มะกอกแบบผัด เมนูทอดใช้คาโนลาหรือถั่วเหลืองที่ทนความร้อนได้ดี และถ้าต้องการน้ำสลัดสดก็ใช้มะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จินเพียงเล็กน้อย การมีน้ำมันหลายชนิดช่วยให้เราปรับได้ตามอาหารแต่ละวัน ทำให้การเลือกน้ำมันกลายเป็นเรื่องสนุกและง่ายขึ้น เมื่อทำบ่อยๆ เราจะรู้สึกคุ้นเคยและสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมได้อย่างเป็นธรรมชาติค่ะ 7. ล้าง หั่นและเตรียมผลไม้ล่วงหน้า การล้าง หั่น และเตรียมผลไม้ล่วงหน้าเป็นวิธีที่ช่วยให้เราเพิ่มการกินผลไม้ได้แบบไม่ต้องพยายามมากค่ะ โดยเราอาจเลือกผลไม้ที่เก็บทรงสภาพได้ดี เช่น แอปเปิล สาลี่ แตงโม ฝรั่ง ส้มโอ หรือองุ่น จากนั้นล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วเก็บใส่กล่องสุญญากาศในตู้เย็น การเตรียมไว้ล่วงหน้าช่วยให้หยิบกินง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะช่วงที่เรายุ่งหรือต้องการของว่างเร็วๆ ไม่ต้องรอปอกหรือหั่นใหม่ทุกครั้ง ทำให้ผลไม้กลายเป็นของกินเล่นที่เข้าถึงได้ตลอดวัน ซึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ทำได้ต่อเนื่อง คือ แบ่งใส่กล่องเล็กหลายๆ กล่อง เพื่อควบคุมปริมาณและพกพาได้สะดวก เช่น กล่องสำหรับผลไม้จานเช้า กล่องพกใส่กระเป๋า หรือกล่องสำหรับทำงาน นอกจากนี้การเตรียมผลไม้ล่วงหน้าจะทำให้เราหยิบกินได้ทันที ลดโอกาสซื้อของหวานหรือของทอดระหว่างวัน และค่อยๆ สร้างนิสัยการกินผลไม้ให้เป็นเรื่องธรรมชาติในชีวิตประจำวันค่ะ 8. ปรับวิธีปรุงจากทอดเป็นอบหรือผัดน้ำเล็กน้อยเป็นบางครั้ง การปรับวิธีปรุงจากทอดมาเป็นอบหรือผัดน้ำเล็กน้อยเป็นบางครั้ง เป็นเคล็ดลับที่ทำได้ง่ายมากโดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนูที่เราชอบ เราอาจเริ่มจากอาหารที่ทำบ่อย เช่น ไก่ทอด หมูชุบแป้ง หรือผักทอด แล้วแค่เปลี่ยนมาอบด้วยไฟแรงให้ได้ผิวนอกกรอบคล้ายเดิม หรือใช้หม้ออบลมร้อนที่ตั้งค่าเวลาไม่นาน วิธีนี้ช่วยให้เราได้รสชาติคุ้นเคยแต่ไม่อมน้ำมัน และยังทำความสะอาดอุปกรณ์ง่ายกว่า ไม่ต้องจัดการกับน้ำมันใช้แล้ว ทำให้การทำอาหารประจำวันรวดเร็วและสะดวกขึ้นค่ะ สำหรับเมนูผัดเราอาจลดปริมาณน้ำมันลงโดยใช้วิธีผัดน้ำหรือผัดด้วยน้ำซุปเล็กน้อย เช่น ใส่น้ำซุป 1-2 ช้อนโต๊ะแล้วผัดต่อจนส่วนผสมสุก และค่อยเติมน้ำมันเพียงปลายช้อนเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม วิธีนี้ยังทำให้ผักดูสด กรอบ และไม่มันจัดจนเกินไป อีกไอเดียคือการใช้กระทะเคลือบหรือกระทะเทฟลอน ที่ทำให้ผัดได้โดยใช้น้ำมันน้อยลงมากได้ เมื่อทำเป็นประจำการสลับจากทอดมาอบหรือผัดน้ำจะกลายเป็นนิสัยที่ทำได้โดยไม่รู้สึกว่าถูกจำกัดรสชาติเลยค่ะ 9. เพิ่มสมุนไพรและเครื่องเทศลงในจาน การเพิ่มสมุนไพรและเครื่องเทศลงในจานเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เมนูเดิมๆ มีความหอมและรสชาติน่าสนใจขึ้นทันทีค่ะ เราอาจเริ่มจากของที่มีอยู่แล้วในครัว เช่น กระเทียม พริกไทย ใบโหระพา ใบกะเพรา ขิง หรือพริกสด แล้วใส่เพิ่มเล็กน้อยในเมนูผัด ต้ม หรือยำ เพื่อให้ได้กลิ่นรสที่ชัดขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งซอสหรือผงปรุงมากเกินไป การมีสมุนไพรติดครัวยังช่วยให้เราปรับรสอาหารได้เร็ว เช่น เติมพริกไทยให้หอม เติมกระเทียมเพิ่มความเข้ม หรือโรยใบโหระพาในอาหารจานด่วนให้ดูสดขึ้น ทำให้อาหารง่ายๆ กลายเป็นจานที่น่ากินขึ้นมากได้ค่ะ เคล็ดลับเพิ่มเติมคือเตรียมสมุนไพรให้พร้อมใช้ล่วงหน้า เช่น สับกระเทียมเก็บในกล่อง แช่ขิงหั่นในตู้เย็น หรือซอยใบโหระพาเก็บในถุงซิปเพื่อให้หยิบใช้ได้ทันทีในวันที่รีบ นอกจากนี้การทดลองเครื่องเทศใหม่ๆ เช่น ปาปริก้า ขมิ้น แกงกะหรี่ หรือผงยี่หร่า ก็ช่วยให้เราได้รสชาติใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนูหลัก การหมุนเวียนสมุนไพรและเครื่องเทศหลายแบบทำให้การทำอาหารสนุกขึ้น และช่วยให้เราค่อยๆ สร้างนิสัยเติมกลิ่นรสจากธรรมชาติลงในทุกมื้ออย่างเป็นธรรมชาติค่ะ จบแล้วค่ะ เป็นยังไงบ้างค่ะ พอจะมองภาพออกกันบ้างแล้วใช่ไหม ว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารในแต่ละมื้อของเรา โดยเมื่อเราอยากเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้ชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมครั้งใหญ่ เทคนิคที่ง่ายที่สุดคือการค่อยๆ ปรับรายละเอียดเล็กๆ ในครัวให้ใช้งานสะดวกขึ้นค่ะ เช่น การเตรียมวัตถุดิบล่วงหน้า การจัดผัก ผลไม้ หรือของสดให้พร้อมหยิบใช้ การมีสิ่งเหล่านี้อยู่ใกล้มือทำให้เราตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีกว่าได้ง่ายขึ้นโดยไม่รู้สึกว่าต้องพยายามมาก การเตรียมล่วงหน้าเพียงเล็กน้อยจึงกลายเป็นแรงผลักดันให้มื้ออาหารของเราดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และช่วยสร้างนิสัยใหม่ที่ทำได้ต่อเนื่องในระยะยาว ส่วนการจัดสภาพแวดล้อมในครัวให้เอื้อต่อการเลือกอาหารที่ดีขึ้นยังเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญค่ะ เช่น การสลับวัตถุดิบให้หลากหลาย การวางของดีต่อสุขภาพไว้ตำแหน่งที่หยิบง่ายที่สุด และการมีตัวเลือกพื้นฐานที่ใช้ได้กับหลายเมนู สิ่งเหล่านี้ช่วยลดการพึ่งพาเครื่องปรุงสำเร็จรูปหรือเมนูที่ทำง่ายแต่คุณค่าทางอาหารน้อยกว่า เมื่อเราค่อยๆ เข้าถึงวัตถุดิบที่ดีกว่าในชีวิตประจำวัน มื้ออาหารก็จะพัฒนาไปเองโดยไม่รู้สึกว่าเป็นการควบคุมหรือจำกัดตัวเอง และสุดท้ายคือการหมุนเวียนวัตถุดิบให้หลากหลาย เพื่อเพิ่มรสชาติ ความสนุก และความคุ้นเคยกับอาหารรูปแบบใหม่ๆ การปรับเล็กน้อย เช่น การสลับวิธีปรุง การเติมวัตถุดิบที่เพิ่มรสธรรมชาติ หรือการเพิ่มส่วนผสมง่ายๆ ลงในเมนูเดิม จะช่วยให้เราได้อาหารที่น่ากินขึ้นและรู้สึกดีขึ้นหลังมื้ออาหาร โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างเมนูทั้งหมด ที่โดยสรุปแล้วแนวคิดสำคัญ คือ ให้เริ่มจากสิ่งที่มี เพิ่มสิ่งที่ทำได้ และทำให้ต่อเนื่องค่ะ เมื่อเราทำซ้ำทุกวัน ความเปลี่ยนแปลงที่เล็กที่สุดก็สามารถสะสมเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในระยะยาวได้นะคะ สำหรับผู้เขียนนั้นเป็นคนทำอาหารออกมาแล้วรสชาติจะอยู่กลางๆ ค่ะ จากสถานการณ์นี้ทำให้เป็นคนที่ไม่ค่อยเปลืองเครื่องปรุงค่ะ จริงๆ ก็ใส่นะคะ แต่ว่ามักเลือวัตถุดิบสดใหม่มาทำอาหาร ซึ่งสิ่งนี้น่าจะช่วยเยอะ และชอบน้ำซุปจากน้ำต้มกระดูกหมูมากกว่าค่ะ ในส่วนของการผัดใส่น้ำไปด้วยแบบขลุกขลิกนั้น ทำประจำอยู่แล้วนะคะ คือส่วนตัวไม่ค่อยชอบแบบใส่น้ำมันเยอะค่ะ และจากที่ผัดแบบเติมน้ำลงไปมาตลอดนั้น ทุกคนก็ทานกันได้นะคะ ส่วนเรื่องกินผักนั้น ผู้เขียนเป็นคนเปลืองผักค่ะ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่มักทำบ่อยๆ คือ จะจัดถาดใส่ผักสดมาวางไว้เสมอตอนทานอาหาร โดยไม่สนใจว่าในตอนนั้นเมนูจะเป็นอะไรค่ะ ไม่มีน้ำพริกก็กินผักสดได้ค่ะ จึงอยากเชิญชวนคนไทยทุกคนหันมาใส่ใจเรื่องคุณค่าทางอาหารมากขึ้น ที่ไม่ใช่โฟกัสไปแค่อร่อยกับอิ่มเท่านั้นค่ะ เพราะปัญหาสขภาพพอเกิดขึ้นแล้ว จะเป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ ใครมีปัญหาอะไรก็แก้ไขไปตามนั้น ดังนั้นถ้าเราไม่เป็นคนแรกที่ต้องเริ่มเรื่องนี้ ก็เป็นไปได้ยากที่จะเป็นคนอื่น โดยบางคนอาจบอกว่าก็หมอกับพยาบาลไง! ซึ่งจริงๆ แล้ว การดูแลสุขภาพที่โรงพยาบาลเน้นการรักษาเป็นหลักนะคะ แต่การส่งเสริมสุขภาพเราคนแรกต้องเป็นคนเริ่ม เพราะอยากเห็นคนไทยสุขภาพดีขึ้น ก็อย่าลืมนำไปปรับใช้กันค่ะทุกคน และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #วิธีส่งเสริมสุขภาพ #แนวทางดูแลสุขภาพ #คุณค่าทางอาหาร #คุณค่าทางโภชนาการ #HealthPromotion เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก ถ่ายภาพโดย Freepik จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 ทริคสังเกตผักผลไม้ ที่เริ่มสูญเสียคุณค่าทางอาหาร ดูยังไงดี 9 ทริคเลือกเห็ดฟาง แบบไหนดี ดูสดใหม่น่าซื้อ ทำอาหารได้อร่อย 10 เช็กลิสต์ก่อนซื้อวัตถุดิบสด มาทำอาหารที่บ้าน เลือกยังไงดี หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !