วันนี้ยิ้มจะพาคุณผู้อ่านที่รักมารู้จักกับ “บ๊ะจ่าง” เจ้าเก่าสูตรเด็ด ตั้งอยู่แถวย่านพระรามสอง ร้านนี้เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานของบ๊ะจ่างก็ว่าได้ เพราะด้วยดีกรีความเก่าแก่ของร้านที่เปิดมานานเกือบ 40 ปี นั่นคือ “บ๊ะจ่าง ประภาศรี” ที่มาพร้อมสโลแกน “อิ่ม อร่อย ตลอดปี..เครื่องแน่น” และปิดท้ายวลีเด็ดด้วยอักษรตัวโตๆ ว่า “ไส้ทะลัก” แค่สโลแกนของร้านก็พอจะบอกใบ้บางอย่างให้ยิ้ม และคุณผู้อ่านต้องมาลุ้นกันว่าจะเด็ดจริงหรือไม่ สำหรับใครที่อาศัยอยู่ย่านเขตจอมทอง ถนนพระรามสอง ตลาดโอ๋เอ๋ น่าจะรู้จักชื่อเสียงของบ๊ะจ่างร้านนี้เป็นอย่างดี แต่สำหรับคุณผู้อ่านที่ยังไม่รู้จักก็ขอซูมพิกัดให้ชัดขึ้นอีกหน่อย ร้านเป็นอาคารพาณิชย์ค่อนข้างมีอายุตั้งอยู่ริมถนนฝั่งพระรามสองระหว่างซอย 15 และซอย 17 ใต้ทางด่วนฝั่งขาเข้าด่าน บอกก่อนเลยว่าสำหรับคุณผู้อ่านที่คิดจะขับรถส่วนตัวไปลิ้มลองรสชาตินั้นจะหาที่จอดรถยากหน่อย เพราะร้านติดฟุตบาทและป้ายรถเมล์ แนะนำให้จอดรถก่อนช่วงพระรามสอง ซอย 11-13 (ช่วงหน้าตลาดโอ๋เอ๋) ในเลนที่จะขึ้นสะพานข้ามเข้าด่านทางด่วน และเดินเท้าไปอีกอึดใจ ร้านหาไม่ยากมีป้ายสีแดงบอกชื่อร้านดูเด่นชัด เห็นพวงบ๊ะจ่างแขวนแยกไว้เป็นกลุ่มๆ บอกรายละเอียดวัตถุดิบส่วนผสมที่หลากหลายตั้งแต่ราคาเครื่องเบาๆ เริ่มต้น 35 บาท ไปจนถึงเครื่องแน่นอิ่มจุกที่ราคา 65 บาท วันนี้ยิ้มเลยจัดเครื่องแน่นไส้ทะลักราคา 65 บาท มา 3 ลูกเพื่อพิสูจน์สโลแกนของทางร้าน เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า จากขนาดและราคา 65 บาท มองเผินๆ อาจจะรู้สึกว่าราคาสูงไปนิด เมื่อเทียบกับอาหารตามสั่ง 1 จาน แต่พอหิ้วมาถึงบ้านเปิดทานต้องบอกเลยว่าหน้าตาผ่านเพราะอลังการด้วยเครื่องที่อัดแน่นมากับข้าว เจ้านี้เริ่มต้นที่ข้าวเหนียวก็ผ่านแล้วเพราะทั้งเหนียวและนุ่มเกาะตัวกันดี ไม่แห้งร่วนแข็งเหมือนบางเจ้าที่ยิ้มเคยเจอ รสชาติของข้าวเหนียวที่ผัดก็เข้ากันดีกับเครื่องที่อัดแน่นมาในห่อใบไผ่ เวลาทานแต่ละคำได้กลิ่นหอมของใบไผ่ที่เจืออยู่ในคำข้าวแต่ละคำ นอกจากนี้ถ้าจะไม่พูดถึงเครื่องที่อัดแน่นมากับข้าวด้วยแล้วก็คงไม่ครบองค์ประกอบของความเป็นบ๊ะจ่าง ทั้งไข่แดงเต็มลูก กุนเชียง หมู เห็ดหอม กุ้งแห้งตัวเน้นๆ เผือกกวนรสหวานตัดกับรสเค็มของข้าวเหนียวอ่อนๆ แถมอัดแน่นด้วยธัญพืชที่หลากหลายอย่าง แปะก้วย เกาลัค เม็ดบัว ถั่วลิสง ถั่วแดง แห้ว ที่ผ่านการนึ่งอีกที รสชาติช่างเข้ากันดีเรียกว่าครบเสน่ห์ของบ๊ะจ่างจริงๆ ยิ่งใครที่ชอบธัญพืชเรียกว่าร้านนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน มาถึงบรรทัดนี้ “อิ่ม-อร่อย-ตลอดปี-เครื่องแน่น-ไส้ทะลัก” จากสโลแกนของร้านยิ้มต้องยกนิ้วโป้งให้สองนิ้ว พร้อมกับบอกเสียงดังๆ ว่า “ให้ผ่าน” นอกเหนือจากความพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบ และกรรมวิธีในการปรุงแล้ว ร้านนี้ถือว่าเป็นอีกร้านที่ทำให้ยิ้มเห็นถึงความพิถีพิถันในการเอาใจใส่ต่อลูกค้าเป็นอย่างมากๆ จนยิ้มเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งเส่นห์เล็กๆ ที่ชวนให้ยิ้มนึกถึงบ๊ะจ่างเมื่อไหร่ ต้องนึกถึงร้าน “บ๊ะจ่างประภาศรี” ก่อนเจ้าอื่น นั่นคือการให้ข้อมูลของสินค้าที่อยู่บนถุงหูหิ้วของทางร้านแก่ลูกค้า ทั้งเรื่องการดูไส้ของบ๊ะจ่างจากสีเชือกที่ผูก ข้อนี้ถือเป็นการจัดการที่ดีมากๆ เรียกว่าได้ใจยิ้มไปเต็มๆ เพราะถ้าเราซื้อมาหลายไส้ เมื่อถึงบ้านเราจะไม่ทราบเลยว่าลูกไหนไส้อะไร ลูกไหนไข่แดงกี่ใบ พาจะต้องหงุดหงิดแกะออกดูเละเทะไปหมด นอกจากนั้นยังมีคำแนะนำวิธีเก็บรักษาให้บ๊ะจ่างอยู่ได้นาน และวิธีการอุ่นบ๊ะจ่างทั้งแบบใช้ซึ้งและไมโครเวฟอีก จะละเอียดเอาใจลูกค้าไปถึงไหน ตรงนี้เองที่ทำให้ยิ้มหลงเส่นห์ของบ๊ะจ่างร้านนี้ เพราะความอร่อยของบ๊ะจ่างอยู่ที่การกินแบบอุ่นๆ ร้อนๆ ผ่านการอุ่นจากไอน้ำ มันจะยิ่งขับเน้นให้วัตถุดิบ เครื่องปรุงและส่วนผสมที่อยู่ในห่อทำปฎิกิริยากันกับใบไผ่ที่ใช้ห่อส่งกลิ่นหอมเพิ่มรสชาติในขณะทานมากยิ่งขึ้น นี่แหละทำไมยิ้มจึงบอกคุณผู้อ่านว่าหากนึกถึงบ๊ะจ่าง ยิ้มต้องนึกถึงร้านประภาศรี เส่นห์ข้อนี้ทำให้ยิ้มเห็นถึงความแตกต่างจากร้านอื่นๆ ยิ้มมีโอกาสได้พูดคุยกับอาม่า “ประภาศรี” เจ้าของร้านตัวจริง พร้อมกับพี่ๆ พนักงานวัยกลางคนอีก 4-5 คนที่ขมักเขม้นกันอยู่หน้าร้านต่างกระฉับกระเฉงยิ้มแย้มไม่แพ้กัน ยิ่งทำให้ยิ้มเข้าใจไปได้อีกว่า ทำไมร้านนี้ถึงอยู่ยาวนานมาได้เกือบ 40 ปี เพราะอัธยาศัยไมตรีของอาม่านั้นบ่งบอกผ่านสินค้าและบริการที่อาม่าทำนั่นเอง ยังไงทั้งหมดที่ยิ้มนำมารีวิววันนี้ คุณผู้อ่านที่รักลองหาโอกาสชิมดู อย่าพึ่งเชื่อยิ้มง่ายๆ ใครที่ไม่สะดวกไปซื้อเอง ทางร้านก็มีบริการจัดส่ง ส่วนจะบริการจัดส่งถึงใกล้ไกลแค่ไหนบ้าง ลองติดต่อทางร้านดู เปิดขาย ตั้งแต่ 06.00 น.- 18.00 น. ทุกวัน ภาพประกอบบทความทั้งหมดโดยนักเขียน…ยิ้มอ่อน