คราวที่แล้วผู้เขียนได้แนะนำอาชีพเฉาะตาลขายไปแล้ว หากผู้อ่านอยากทำความรู้จักและถือเสียว่าเป็นการเกริ่นนำ เหมือนดูหนังภาคแรก สามารถย้อนไป กดอ่านได้ที่นี่ครับ และวันนี้ขอถือโอกาสแนะนำ 2 เมนูทั้งคาวหวานในคราเดียว แถมยังมาจากตาลลูกเดียวกันอีกด้วย เริ่มด้วยแกงเผ็ดหัวตาล เมื่อมีลูกตาลอยู่ในมือสัก 5-6 ลูกก็จะได้วัตถุดิบพอสำหรับครอบครัวเล็ก ๆ หนึ่งหม้อ ภาพโดยผู้เขียน วัตถุดิบแกงเผ็ดหัวตาล ที่ต้องเตรียมดังนี้ หัวตาล เลือกหัวตาลจากลูกอ่อนกำลังดี เฉาะเอาด้านบนมาแกง ด้วยการซอยเป็นเส้น ๆ คล้ายหน่อไม้ จะได้เส้นเล็ก ๆ แช่น้ำเกลือไว้ไม่ให้ดำคล้ำเดี๋ยวจะดูไม่น่ากิน เนื้อหมู (ปริมาณตามความเหมาะสม) พริกแกงเผ็ด (ถ้าซื้อเลือกเจ้าที่มั่นใจ ไม่เก่าหืน หรือดำคล้ำ) แต่ถ้าจะตำเองก็สะอาดปลอดภัยกว่าแน่นอนไม่ต้องกังวลเรื่องสารกันบูด โดยมีเครื่องแกงสูตรแม่ผู้เขียนดังนี้ ผิวมะกรูด พริกแห้ง กะปิอย่างดี ข่า ตะไคร้ กระชาย กระเทียม หัวหอมสัก 2-3 หัว พริกไทยสด เพิ่มความเผ็ดร้อน กะเพราป่า ขึ้นเองข้างรั้วจะหอมกว่ากะเพราตามท้องตลาด เมื่อได้ทุกอย่างแล้วโขลกรวมกันจนละเอียดพักไว้ ขั้นตอน -ตั้งหม้อจนร้อนใส่พริกแกงลงไป (คั่วจนคนในบ้านจามหรือไอค่อกแค่กเป็นใช้ได้) -ใส่หมูที่หั่นเป็นชิ้นหรือจะสับก็ได้ รวนกับพริกแกงจนหมูสุก -เติมน้ำ (คะเนน้ำพอประมาณ เพื่อความเข้มข้น) จนเดือด -ใส่หัวตาลที่ซอยไว้ -ปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อย บ้านผู้เขียนใช้น้ำตาลปี๊บสักครึ่งช้อนเพื่อความกลมกล่อม -รอจนเดือดชิมรส จากนั้นใส่กะเพราป่าคลุกเคล้าพอสุก -ตักใส่จานรอเสิร์ฟ ภาพโดยผู้เขียน มาถึงเมนูของหวาน ลูกตาลเชื่อม วัตถุดิบมีดังนี้ เต้าตาลสด เลือกแบบแข็งกำลังดี เวลาต้มจะได้ไม่เละ แต่ถ้าแก่ไปจะแข็งเคี้ยวไม่ออก จากนั้นปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้น ๆ ไม่บางเกินไป พักไว้ในหม้อ ใบเตยใส่เพิ่มความหอม ต้มเต้าตาลสดในหม้อ โดยเติมน้ำพอท่วม สังเกตดูว่าเดือดปุด ๆ ช้อนฟองออก ใส่น้ำตาลทรายเล็กน้อย คนจนนำตาลละลาย เคี่ยวต่อครึ่งชั่วโมง พักไว้จนเย็น ตักใส่ถ้วยตามจำนวนคน เติมน้ำแข็งบดรับรองชื่นใจดับกระหาย หัวตาลนั้นจะต้มจิ้มน้ำพริกก็ได้ครับ เป็นอีกเมนู เห็นไหมครับ หลายเมนูง่าย ๆ จากพืชผลกลางท้องไร่ท้องนา “แกงหัวตาล” นั้นอาจมีรสขมปนหวานหอมกะเพราเป็นยาดีนักแล ส่วน “ลูกตาลเชื่อม” ของหวานล้างปากตบท้ายก็นุ่มลิ้นชุ่มชื่นหัวใจ นี่แหละหนาโชคดีเกิดเป็นคนไทย ไม่ต้องกลัวอดแค่รู้จักเข้าครัว เห็นด้วยไหมครับ ภาพปกโดยผู้เขียน ชาตรี แก้วบุญเพิ่ม