เคยกินอาหารอินเดียมั้ยคะ? เราเช็คเสียงคนในบ้านแล้ว ส่วนมากที่ไม่กล้ากินเพราะกลัว “กลิ่นฉุน” ของเครื่องเทศ ประเทศไทยมีสมุนไพรหลากหลาย แต่ละอย่างให้กลิ่น รส และประโยชน์ที่หลากหลาย เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระชาย กระเทียม เมล็ดผักชี พริกขี้หนู ฯลฯ แต่อาหารอินเดียมีความหลากหลายและลึกล้ำของเครื่องเทศมากกว่าอาหารบ้านเราอีกมากมายมหาศาลเลยค่ะ อาหารอินเดียไม่เป็นที่นิยมเท่าอาหารญี่ปุ่น และอาหารเกาหลี และไม่ได้หากินง่ายแบบอาหารจีนและอาหารเวียดนาม แต่ถ้าหากว่าได้ลองแล้วจะติดใจ เชิญรับบัตรคิว เรียงหน้า มาให้เราป้ายยาเลยค่ะ! วันนี้ เราอยากแนะนำอาหารอินเดียเหนือจากร้าน “Hungry Eye (Indian & Chinese Cuisine)” พิกัดร้านอยู่ที่ซอยรามคำแหง 24 แยก 32 (ซอยเอแบคหัวหมาก) ซึ่งร้านอาหารอินเดียในบ้านเรา มักจะเป็นร้านอาหารอินเดียตอนเหนือค่ะ ร้านอาหารอินเดียทางใต้จะไม่ค่อยมี ภาพรวมของอาหารอินเดียตอนเหนือ จะเป็นน้ำแกงที่เนื้อค่อนข้างหนัก ไม่เผ็ดจี๊ดจ๊าด แต่จะให้รสร้อนจากเครื่องเทศ มีความนุ่มนวลจากกี (เนยใส) เนย ครีม และโยเกิร์ตค่ะ นิยมกินกับแป้งหลากหลายประเภท เช่น จาปาตี แป้งนาน ปาราธา และโรตี (ซึ่งไม่ได้เอามาราดนมข้น โรยน้ำตาลแบบเรา) แกงอินเดีย 101 ขอเปิดตัวด้วยเมนูที่เราแนะนำสำหรับมือใหม่ หัดกินอาหารอินเดียค่ะ > Butter Chicken เป็นแกงจากเนื้อไก่ในซุปมะเขือเทศที่มีรสร้อนเบาๆ จากเครื่องเทศ ใส่เนย และโยเกิร์ต ไก่ที่อยู่ในแกงจะนำไปย่างในเตาดินก่อน ทำให้ไก่มีกลิ่นหอม และจึงนำมาแกง เนื้อไก่จะนุ่มๆ คู่กับน้ำแกงข้นๆ ละมุนมาก อยากให้ลองจริงๆ ค่ะ น้ำแกงจะมีรสเปรี้ยวๆ หวานๆ จากมะเขือเทศ เพิ่มความนวลเนียนจากเนยและโยเกิร์ต และรสเผ็ดร้อนแบบเบาๆ จากเครื่องเทศหลากหลาย ไม่เลี่ยนเลยสักนิด ได้อารมณ์เหมือนกินอาหารฝรั่งที่ทำจากมะเขือเทศค่ะ เราว่าถ้าเอาขนมปังฝรั่งเศสมาปาดเนยแล้วจิ้มแกงกิน รสชาติจะเข้ากันได้ดีกับแกงเหมือนกันค่ะ > Paneer Tikka Masala แกงที่ยกระดับความเผ็ดร้อนขึ้นมา ทั้งความร้อน และความเผ็ดจัดเต็มค่ะ แต่ก็ยังเป็นความเผ็ดแบบลึกล้ำจากเครื่องเทศ ไม่เผ็ดแรงเหมือนแกงบ้านเรานะคะ รสชาติแกงจะเค็มมากขึ้นเพื่อให้รับความกับเผ็ดที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องเทศมาซาล่า (masala) เป็นอีกหนึ่งจานที่กินง่าย เรามั่นใจว่าถูกปากคนไทยค่ะ เราเลือกปานีร์ (paneer) ใส่ในแกงนี้แทนเนื้อสัตว์ค่ะ ปานีร์เป็นชีสที่นิยมกินกันในรัฐทางอินเดียตอนเหนือและตะวันออก มีโปรตีนสูง หน้าตาคล้ายเต้าหู้ แต่รสชาติหอมมัน เข้ากันกับน้ำแกงเผ็ดร้อนมากค่ะ > Saffron Rice ข้าวหุงกับเครื่องเทศที่แพงที่สุดในโลก saffron หรือหญ้าฝรั่น มีรสเผ็ด รสขมอมหวาน กลิ่นคล้ายฟาง ที่ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องเทศที่แพงที่สุดในโลกเพราะเจ้าหญ้าฝรั่นนี่เก็บได้จากเกสรดอกตัวเมีย ซึ่งมีน้อยและแสนจะบอบบาง แถมยังไวต่ออากาศและแสงด้วยค่ะ แต่ทนความร้อนได้ดี ด้วยราคาที่ตกเกือบ 400,000 บาทต่อ 1 กิโลกรัม ทำให้หญ้าฝรั่นนิยมใช้ทำขนมหรืออาหารที่มีราคาแพง แต่อาหารอินเดียเป็นหนึ่งชาติที่ใช้หญ้าฝรั่นทำอาหารกันมาก เราอยากสัมผัสระดับความหรูหราแม้ในปริมาณน้อย เราจึงเลือกสั่งข้าวหุงหญ้าฝรั่นมากิน ข้าวอินเดียจะเป็นเม็ดยาว เรียว และหุงออกมานุ่มแต่เป็นเม็ดสวยค่ะ ตัวข้าวไม่ได้มีรสชาติมาก แต่จะให้กลิ่นฟางๆ อมหวานนิดๆ กินกับแกงอร่อยค่ะ นอกจากข้าวแล้ว เรายังสั่งแป้งอีก 2 แบบมากินคู่กันด้วยค่า นี่สินะ การกินแป้งเชิงซ้อน (ไม่แปลกใจที่นิ้วมือเรากำลังจะกลายเป็นกีบ อู๊ด!) > Plain naan และ Tendoori roti ร้านนี้เค้าขึ้นชื่อว่าแป้งนานว่านุ่ม หอม อร่อย เราสั่งกินทุกครั้งค่ะ ที่ร้านมีแป้งนานหลายแบบ ทั้งนานเนย นนชีส นานกระเทียม นานมันฝรั่ง ครั้งนี้เราสั่งแบบธรรมดามากินค่ะ แป้งอีกแบบคือ โรตีอบในเตาดิน ความแตกต่างของแผ่นแป้ง 2 แบบนี้ คือ แป้งนานจะทำจากแป้งสาลีขัดสี และมักทำเป็นทรงรี ในขณะที่โรตีจะทำจากแป้งสาลีแบบไม่ขัดสี และมักทำเป็นทรงกลมค่ะ แต่ไม่ว่าจะเป็นแป้งแบบไหนก็อร่อยทั้งคู่ เราเลือกไม่ได้ เลยสั่งมาทั้งคู่ และแป้งจะเหลือเสมอ เราก็เอามาอุ่นในกระทะแล้วโรยชีสลงไป อร่อยมาก Chutney ร้านจะมี ชัทนีย์ เป็นเหมือนซอสหรือแยมเอาไว้เพิ่มรสชาติอาหาร เป็นคล้ายๆ น้ำจิ้มของบ้านเรา ของร้านนี้จะเป็น green chutney ที่ทำจากใบสะระแหน่ เผ็ดนิดหน่อย เปรี้ยวนิดๆ หอมมาก อร่อยมาก จนต้องเอานิ้วปาดให้เกลี้ยง เราสั่งอาหารอินเดียมากินที่บ้านหลายครั้งแล้ว คนในบ้านกินกันได้ค่ะ จากที่ครั้งแรกแค่มาฉีกแป้งไปแตะๆ แกงนิดเดียว สั่งครั้งนึง เราเก็บไว้กินได้ 3 มื้อ แต่ตอนนี้ ต้องแย่งแกงและแผ่นแป้งกันแล้ว แถมทั้งแป้งและแกงหมดในมื้อเดียว ช่วงกักตัวอยู่ในบ้านนานๆ ลองสั่งอาหารอินเดียมาเปลี่ยนรสชาติ เปิดปุ่มรับรสให้ได้สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กันดูนะคะ กินแล้วระวังจะหลงอยู่ในดงเครื่องเทศ อร่อยๆ จริงๆ นะจ๊ะนายจ๋า <<ภาพความอร่อยทั้งหมดมาจากเราเองค่ะ>>