มะมุด เขียนถูกแล้วครับ ไม่ใช่ละมุด เพราะทั้ง 2 อย่างนี้เป็นผลไม้คนละพันธุ์กัน มะมุดที่นำมาเขียนถึง เป็นผลไม้ตระกูลมะม่วง ตอนผลยังไม่สุกก็เปรี้ยว พอสุกแล้วถึงหวานเหมือนกัน แต่มะมุดนั้นผลดิบมียางมาก ฤทธิ์ของยางทำร้ายผิวหนังได้ ขืนกินผลดิบสด ๆ ปากอาจเป็นแผล จึงต้องแช่น้ำเกลือก่อน มะมุด ถือว่าเป็นผลไม้ท้องถิ่นของทางภาคใต้ บางแห่งเรียกส้มมุด ปัจจุบันค่อนข้างหายาก ขนาดคนใต้เองบางคนก็ไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ มะมุดนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างครับ ผลดิบมีรสเปรี้ยว นำมาแกงส้มอร่อยไม่ใช่เล่น นำมาขูดแล้วยำคล้าย ๆ ยำผักกูด ที่ใส่มะพร้าวคั่ว เนื้อปลาป่น รสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ มัน ๆ กินกับข้าวก็ได้ กินเล่นยิ่งอร่อย ส่วนผลสุก กลิ่นหอมจัด หอมชนิดที่ว่าถ้าหล่นอยู่โคนต้น ในรัศมี 100 เมตร ได้กลิ่นนั่นล่ะ ผลสุกนั้นก็นำมาปอกเปลือก ฝานเป็นชิ้นบาง ๆ กินแบบมะม่วงได้เลย แต่เนื้อของมะมุดมีเสี้ยน หรือเส้นไยที่หนา เนื้อสัมผัสจึงไม่นุ่มเหมือนมะม่วง มีความเชื่อโบราณเกี่ยวกับมะมุดอยู่ว่า อย่าได้สอยผลมะมุดมากิน ต้องรอให้มันหล่นมาเอง มิฉะนั้นผลทั้งต้นจะมีหนอนเจาะ อดกิน แต่ผู้เขียนนำมาวิเคราะห์แล้ว ไม่น่าจะเกี่ยวกับหนอนเจาะแต่อย่างไร ก็ที่บอกข้างต้นนั่นแหละ ผลมะมุดถ้ายังไม่สุก ผลมียางมาก ยางกัดผิวเป็นแผลได้ คนโบราณกลัวเด็กจะไปสอยผลดิบมากินแล้วปากเปื่อย ก็เลยคิดอุบายหลอกไว้ เพราะบอกตรง ๆ เด็กคงไม่เชื่อ แม้ผลสุกของมะมุดจะหอม หวาน แต่สูตรเด็ดของผู้เขียนคือ ผลดิบจิ้มกะปิ ผู้เขียนชอบกินแบบผลดิบมากกว่า โดยนำมาปอกเปลือก แล้วหั่นชิ้นบาง ๆ แช่น้ำเกลือไว้ตลอด ตอนกินก็หยิบมาจากถ้วยที่มีน้ำเกลือนั่นแหละ ส่วนตอนปอกต้องสวมถุงมือนะ หรืออย่างน้อยก็ห่อมือด้วยถุงพลาสติก ที่ชอบกินแบบนี้ เพราะเนื้อมะมุด แน่น กรุบ กรอบ และกรรมวิธีดูยากดี แต่มือข้อเสียอยู่บ้าง ก็ตรงที่เมื่อกินเสร็จแล้วจะระคายคิ้วเพราะยางมะมุด สำหรับต้นของมะมุดก็คล้าย ๆ ต้นมะม่วง แต่ค่อนข้างสูง เนื้อไม้นิยมนำมาใช้ก่อสร้าง และทำเครื่องมือช่าง ภาพประกอบโดย ผู้เขียน หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !