เมื่อไม่นานมานี้ TrueCoffee ได้เปิดตัว ‘TrueCoffee Flagship Store’ แห่งแรกในไทย ที่เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของทรูคอฟฟี่เลยก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์เท่านั้น แต่ยังเป็นการ Rebranding ด้วยการเปลี่ยนโลโกและภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มีการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไป ทำให้เป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่น่าจับตามองมาก ๆ ค่ะ วันนี้นักเขียนก็ไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปสำรวจบรรยากาศพร้อมแนะนำเมนูซิกเนเจอร์ที่มีเฉพาะสาขานี้ จะเป็นยังไงตามมาดูกันเลย! เริ่มต้นกันที่บรรยากาศของร้าน คาเฟ่สไตล์ Minimal ตกแต่งด้วยโทนขาวคลีน ผสมกับสีไม้ที่ให้ฟีลอบอุ่น สบาย ๆ เหมือนอยู่บ้าน สร้างบรรยากาศร้านให้เป็น Roastery & Bakery Cafe และมีการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไปด้วย โดยที่นี่จะมีสองชั้นด้วยกัน ชั้นแรกจะเป็นในส่วนของ Espresso Bar หน้าร้านมีเคาน์เตอร์แคชเชียร์ ตู้โชว์ขนม อาหาร Slow Bar มุมจำหน่ายของที่ระลึกทั้งกาแฟ แก้ว และโต๊ะสำหรับนั่งทานจำนวนมาก สำหรับชั้นที่2 ถือว่าเป็นไฮไลต์ของคาเฟ่เลยก็ว่าได้ค่ะ โซนของชั้น 2 จะเป็นแบบ Slow Bar ที่ให้บริการโดยบาริสต้า และจะมี ‘Roasting Room’ หรือ ‘โรงคั่วกาแฟ’ ที่ไว้ใช้สำหรับคั่วเมล็ดกาแฟภายในร้านและสำหรับเมล็ดที่บรรจุถุง(Bean Bag) โดยเครื่องคั่วกาแฟจะเป็นเครื่องคั่วดิจิทัล ที่สามารถตั้งโปรไฟล์ของลูกค้า เป็นการ Customize เมล็ดกาแฟของแต่ละคนได้ด้วยค่ะขึ้นไปทุกคนจะเห็น ‘หุ่นยนต์ True 5G Robot Barista’ หรือ ‘น้องปุยฝ้าย’ เป็นการนำนวัตกรรมใหม่มาบริการให้ลูกค้าทรูคอฟฟี่ โดยหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นหุ่นที่สามารถดริปกาแฟได้อย่างชำนาญ ไม่แพ้กับคนเลยค่ะ และที่สำคัญหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นตัวแรกและตัวเดียวของไทยในตอนนี้เลยโดยการทำงานของน้องปุยฝ้าย ได้ผ่านการทดสอบระบบ AI แขนกลมากว่า 30,000 ชั่วโมง จึงสามารถดริปกาแฟได้เหมือนมนุษย์ นอกจากดริปกาแฟแล้วยังทิ้งกากกาแฟและล้างอุปกรณ์ได้อัตโนมัติ และใช้เวลาเฉลี่ย ไม่ถึง 5 นาที ซึ่งใกล้เคียงกับที่คนทำ จึงมั่นใจได้ว่าสำหรับสาวกคอกาแฟทั้งหลายแล้ว คุณจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟที่สดใหม่ นุ่มละมุนแน่นอนค่ะ หลังจากที่หุ่นยนต์บาริสต้าได้ดริปกาแฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาบาริสต้าก็จะนำแก้ว IoT ‘True 5G Perfect Temp Mug’ ซึ่งเป็นแก้วอุ่นร้อนตลอดเวลามาเสิร์ฟเรา โดยคุณสมบัติของเจ้าตัวนี้จะเป็นการที่เราสามารถ Personalize อุณหภูมิ และเลือกสีแก้วได้ ผ่านแอปพลิเคชัน Ember ที่บอกเลยว่าเป็นเทคโนโลยีที่ฉลาดมาก ๆ ค่ะ ในส่วนของเมล็ดกาแฟเป็นเมล็ดกาแฟพิเศษที่คัดเฉพาะ ที่นี่มีกาแฟให้เลือกทั้ง 4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็น The Founder Blend กาแฟแม่กำปอง จ.เชียงใหม่ กาแฟสบขุ่น จ.น่าน และกาแฟเอธิโอเปียเมนูที่นักเขียนเลือกมา มีทั้งหมด 4 เมนูด้วยกัน คือ Vanilla Dirty กับ Kiss Me Honey เมนูขนม Plain French Cruller และ TrueCoffee Crème Caramel Custardในส่วนของเครื่องดื่มทั้งสองเมนูที่สั่งมา บอกเลยว่าเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่มีแค่สาขานี้เท่านั้นค่ะ ความพิเศษของ Vanilla Dirty คือ ช็อตเอสเพรสโซ่ ผสมผสานกับนมวานิลลาสูตรพิเศษ จากการบ่มด้วยฝักวานิลลาแท้ และไซรัปวานิลลาจากมาดากัสการ์ ทำให้รสชาติกาแฟเข้มและเสริมความนุ่มด้วยวานิลลา สำหรับคอกาแฟน่าจะชอบเมนูนี้มาก ๆ เลยค่ะ สำหรับเมนู Kiss Me Honey นักเขียนชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะส่วนตัวชอบกาแฟที่รสนุ่ม ไม่เข้มจนเกินไป และที่สำคัญท็อปปิ้งน้ำผึ้งก็คือมาเป็นชิ้นน้ำผึ้งแท้ ทานพร้อมกาแฟจะได้กลิ่นหอม ๆ รสนุ่ม ละมุนลิ้นมากค่ะสำหรับเมนูขนม Plain French Crulle ปาตาชู นักเขียนไม่เคยทานมาก่อน รสนี้เป็นรสธรรมดา คือรสเนยและไข่ เป็นเท็กซ์เจอร์ที่เหมือนจะนุ่มแต่จริง ๆ แล้วกรอบนอกนุ่มใน เป็นรสชาติและสัมผัสที่แปลกใหม่ดีค่ะ ในส่วนของ TrueCoffee Crème Caramel Custard เป็นคาราเมลคัสตาร์ดที่เนื้อเนียนนุ่ม รสชาติละมุน ไม่หวานเกินไป ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ควรลองเลย นอกจากนี้เค้ายังมีอีกหลายเมนูที่นักเขียนอยากลอง แต่วันที่ไปคนค่อนข้างเยอะ ทำให้วัตถุดิบหมดหลายเมนู แอบเสียใจเบา ๆ ค่ะ แฮะ ๆ โดยรวมแล้วนักเขียนมองว่า TrueCoffee Flagship Store ที่นี่ เป็นอีกคาเฟ่หนึ่งที่สาวกคอกาแฟหรือคนที่ชื่นชอบเบเกอรี่ ขนมหวาน ควรมาลองสักครั้งค่ะ นอกจากจะมีเมนูกาแฟและขนมที่หลากหลายแล้ว ทางคาเฟ่ยังผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำ ๆ เอาไว้ได้อย่างลงตัวเลย อีกทั้งบรรยากาศและขนาดของคาเฟ่แล้วก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กในการพบปะ พูดคุย หรือจะมานั่งอ่านหนังสือ ทำงานชิล ๆ ก็เหมาะมาก ๆ ค่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากจะไปใช้บริการ TrueCoffee Flagship Store ได้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8:00 – 21:00 น. ที่ Center Point สยามสแควร์ค่ะพิกัดภาพประกอบโดยนักเขียนหาของกินอร่อย ๆ ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !