วิธีดูมะม่วงน้ำดอกไม้แก่จัด เก็บจากต้น มาบ่มให้สุกเอง | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล พอถึงฤดูกาลของมะม่วง คนที่มีต้นมะม่วงก็จะได้เก็บมะม่วงจากต้น ทั้งที่เก็บมากินดิบและนำมาบ่ม ที่ดูเหมือนว่าอย่างหลังนั้นค่อนข้างจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้บ่อยๆ เพราะไม่ใช่ว่าจะเก็บลูกไหนก็ได้ ซึ่งการเก็บมะม่วงน้ำดอกไม้แก่จัดจากต้นและนำมาบ่มเอง น่าจะเป็นสถานการณ์ที่พบได้เยอะ เพราะเป็นมะม่วงที่ได้รับความนิยมและนำมาทำข้าวเหนียวมะม่วง ที่เป็นของหวานแบบไทยๆ ที่ฝรั่งเองก็ยังชอบ โดยเฉพาะคนที่มีมะม่วงชนิดนี้เยอะและอยากนำมาบ่มขาย ก็อาจจะยังมองภาพไม่ออก จริงไหมคะ? โดยคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า มะม่วงน้ำดอกไม้แบบแก่ๆ มีจุดที่เราสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ที่เทคนิคบางอย่างหลายคนยังไม่รู้ แต่ถ้าคุณผู้อ่านได้อ่านเนื้อหาในบทความนี้ให้จบและนำไปปรับใช้ รับรองว่าจากนี้ไปจะเลิกตกอยู่ในอาการที่ว่า ไม่รู้จะเก็บลูกไหน! ไปเลยตลอดชีวิตค่ะ เพราะผู้เขียนได้ลองนำวิธีการหลายข้อไปทำมาแล้ว แถมดีไม่ดีอ่านจบอาจได้อาชีพใหม่ จากการเป็นผู้รู้ว่าต้องเก็บมะม่วงน้ำดอกไม้ยังไงดีก็ได้ ใครจะไปรู้ งั้นอย่าช้าที่จะอ่านให้จบ กับเคล็ดลับที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ค่ะ 1. นับอายุ ถึงแม้ว่าการสังเกตอายุของมะม่วงน้ำดอกไม้แก่เพื่อเก็บเกี่ยว อาจจะไม่ใช่วิธีที่แม่นยำที่สุดสำหรับทุกคน เพราะปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ ปริมาณน้ำ และแสงแดด มีผลต่อการเจริญเติบโตของผลไม้แต่ละลูกได้มาก อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้ว มะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่พร้อมเก็บเกี่ยวจะมีอายุประมาณ 90-120 วัน นับจากวันที่ดอกบานค่ะ ซึ่งเราอาจจะต้องมีการจดบันทึกวันที่ดอกบาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะเก็บมะม่วงน้ำดอกไม้ตอนไหนดี แต่สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้จดบันทึก อาจจะต้องสังเกตลักษณะภายนอกอื่นๆ แทนค่ะ 2. สังเกตสีผิว โดยทั่วไปแล้วมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ยังอ่อนจะมีสีเขียวอ่อน แต่เมื่อเริ่มแก่สีเขียวจะค่อยๆ จางลงและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล หรือบางครั้งอาจมีสีเหลืองอมส้มนิดๆ ให้เห็น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสีผิวนี้เป็นสัญญาณว่า ปริมาณน้ำตาลในผลเริ่มสูงขึ้นและรสชาติกำลังดี อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ควรยึดแค่สีผิวเพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะมะม่วงบางต้นหรือบางฤดูกาลอาจมีสีผิวที่เปลี่ยนไปไม่ชัดเจนนัก 3. ดูลักษณะนวล คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเก็บมะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่จัดนั้น สังเกตง่ายๆ เลยคือจะมีลักษณะ "นวล" ปกคลุมอยู่บนผิวมะม่วงคล้ายกับมีแป้งบางๆ จับอยู่ทั่วทั้งผล และนั่นเป็นสัญญาณว่าถ้าเรานำมะม่วงมาบ่มให้สุกจะสุกกำลังดี เนื้อจะหวานฉ่ำ มีกลิ่นหอมชวนรับประทานค่ะ หากผิวยังเขียวสดใส ไม่มีนวล แสดงว่ามะม่วงยังไม่แก่จัด รสชาติอาจจะเปรี้ยวหรือหวานไม่เต็มที่ ดังนั้นการเลือกเก็บมะม่วงน้ำดอกไม้ที่มีนวลสวยงาม จึงเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่ช่วยให้เราได้ลิ้มรสชาติความอร่อยได้อย่างเต็มที่ค่ะ 4. สัมผัสความแน่น อีกวิธีง่ายๆ ในการเลือกมะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่จัด นอกจากการสังเกตที่ผิวนวลแล้ว การสัมผัสก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ให้ลองจับและบีบเบาๆ ที่ผลมะม่วง หากรู้สึกว่าเนื้อแน่น ไม่นิ่มยวบยาบ หรือแข็งกระด้างจนเกินไป แสดงว่าเป็นมะม่วงแก่กำลังดี และมะม่วงน้ำดอกไม้แบบนี้ พอนำมาบ่มให้สุกเองแล้ว จะได้เนื้อจะมีความหวานอร่อย ไม่เละ และไม่แข็งกระด้างเหมือนมะม่วงอ่อนที่ยังไม่สุกเต็มที่ค่ะ ที่โดยสรุปแล้วการลองสัมผัสจะช่วยให้เรามั่นใจได้มากขึ้นว่า มะม่วงที่เราเลือกเก็บจากต้นนั้นพร้อมสำหรับการนำมาบ่มแล้ว 5. เคาะฟังเสียง หลายคนยังไม่รู้ว่า การฟังเสียงก็เป็นอีกเทคนิคที่น่าสนใจในการเลือกมะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่จัดค่ะ โดยให้ลองเคาะเบาๆ ที่ผลมะม่วง หากได้ยินเสียงที่ค่อนข้างทึบ ไม่กลวง หรือโปร่งจนเกินไป นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเนื้อมะม่วงข้างในแน่น และเมื่อบ่มสุกจะได้ความสุกแบบพอดีๆ แต่ถ้าเคาะแล้วได้ยินเสียงกลวงๆ เหมือนข้างในมีโพรง อาจเป็นไปได้ว่ามะม่วงลูกนั้นอาจจะยังไม่แก่ หรืออาจจะมีเนื้อที่ไม่สมบูรณ์นัก อย่างไรก็ตามเทคนิคนี้อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์อยู่บ้างในการแยกแยะเสียง แต่ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราได้มะม่วงที่ถูกใจได้ค่ะ 6. สังเกตขั้วผล อีกจุดสังเกตสำคัญในการเลือกมะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่จัดคือบริเวณขั้วผลค่ะ โดยทั่วไปแล้วมะม่วงที่แก่เต็มที่จะมีขั้วที่อวบอ้วน ก้านขั้วจะแข็งแรงและมีสีน้ำตาลเล็กน้อย หรือมีร่องรอยของการหลุดจากต้นเองตามธรรมชาติ หากขั้วยังมีขนาดเล็ก เรียว หรือมีสีเขียวสด แบบนี้บ่งบอกว่ามะม่วงลูกนั้นยังไม่แก่จัด และอาจมีรสชาติไม่หวานเท่าที่ควรเมื่อนำมาบ่มนะคะ ซึ่งการสังเกตลักษณะของขั้วผลจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราเลือกซื้อมะม่วงน้ำดอกไม้ที่บ่มสุกอร่อยได้ค่ะ 7. ทดสอบการจมน้ำ วิธีการทดสอบความแก่ของมะม่วงน้ำดอกไม้อีกแบบหนึ่งที่บางคนนิยมใช้กัน คือการนำมะม่วงไปลองจมน้ำค่ะ เนื่องจากมะม่วงที่แก่จัดและมีเนื้อแน่นมักจะจมน้ำหรือลอยปริ่มๆ น้ำ แต่ถ้ามะม่วงยังอ่อนหรือมีเนื้อที่เบา อาจจะลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจจะไม่แม่นยำ 100% เพราะเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของมะม่วงน้ำดอกไม้ลูกนั้น ที่อาจมีปริมาณน้ำในเนื้อแตกต่างกันไป ที่ก็จะมีผลต่อการลอยหรือจมได้ ดังนั้นให้ใช้วิธีนี้ควบคู่ไปกับการสังเกตลักษณะภายนอกอื่นๆ เช่น นวล ผิวสัมผัสหรือขั้วผล จึงจะช่วยให้เราได้มะม่วงที่แก่จัดตามที่ต้องการค่ะ 8. สังเกตร่องพู การสังเกตร่องพูบนผิวมะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ช่วยบอกความแก่ได้ค่ะ โดยคำว่า “ร่องพูของมะม่วงน้ำดอกไม้” ก็คือ เส้นหรือแนวที่นูนขึ้นมาตามแนวยาวของผลมะม่วงค่ะ โดยมะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่จัด ร่องพูจะสังเกตได้ชัดเจนขึ้น อาจจะดูเป็นเส้นนูนเด่น และอาจมีสีเข้มกว่าส่วนอื่นบนผิวมะม่วงเล็กน้อยก็ได้ค่ะ ซึ่งมะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่จัดมักจะมีร่องพูที่เห็นได้ชัดเจน บริเวณสันของพูจะนูนเด่นขึ้นมา และอาจมีสีเข้มกว่าส่วนอื่นเล็กน้อย และนั่นเป็นสัญญาณว่าเนื้อข้างในมีการพัฒนาเต็มที่และพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวค่ะ แต่ถ้าร่องพูยังไม่ชัดเจน ผิวเรียบเสมอกัน อาจหมายถึงมะม่วงยังไม่แก่พอ รสชาติและความหอมอาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นลองสังเกตลักษณะของร่องพูควบคู่ไปกับวิธีอื่นๆ ก็จะช่วยให้เราได้มะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่และมีคุณภาพค่ะ 9. ดมกลิ่น รู้ไหมคะว่า การดมกลิ่นก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เราเลือกมะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่ และบ่มให้สุกกำลังดีได้ค่ะ โดยการดมกลิ่นนี้หากมะม่วงน้ำดอกไม้สุกเองตามธรรมชาติบนต้น แบบนี้ง่ายหน่อยค่ะ เพราะมะม่วงที่พร้อมรับประทานมักจะมีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยกลิ่นจะชัดเจนขึ้นบริเวณขั้วผล หากลองดมแล้วได้กลิ่นหอมหวานชื่นใจ ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่ามะม่วงลูกนั้นมีรสชาติอร่อย เนื้อหวานฉ่ำ ซึ่งในระยะที่มะม่วงแก่จัดแต่ยังไม่สุกเต็มที่ กลิ่นที่ได้อาจจะเป็น กลิ่นอ่อนๆ ของผลไม้ หรือ มีกลิ่นเขียวเจืออยู่บ้างเล็กน้อย แต่จะเริ่มมีความหอมหวานบางๆ แฝงอยู่ และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าในช่วงที่มะม่วงน้ำดอกไม้แก่จัดแต่ยังดิบอยู่ สารที่ให้ความหอมหวานอาจจะยังไม่ถูกเปลี่ยนรูปมากนักค่ะ แต่ก็ไม่ใช่กลิ่นเขียวสดเหมือนมะม่วงอ่อนนะคะ จึงต้องสังเกตนิดหน่อย เพราะถ้าดมแล้วไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นเขียวชัดเจนมากๆ แสดงว่ามะม่วงอาจจะยังไม่แก่ค่ะทุกคน ดังนั้นให้มองหากลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เริ่มมีความหวาน บวกกับดูลักษณะภายนอกอื่นๆ ที่กล่าวมา แบบนี้ก็จะช่วยให้คุณผู้อ่านได้มะม่วงน้ำดอกไม้ที่แก่จัดและเหมาะสมสำหรับการนำมาบ่มให้สุกหอมหวานต่อไปค่ะ 10. สังเกตยาง เมื่อมะม่วงน้ำดอกไม้เริ่มแก่จัด ยางที่ขั้วผลจะมีปริมาณลดลง และอาจจะเปลี่ยนจากสีขาวขุ่นเป็นสีเหลืองอ่อนๆ หรือใสมากขึ้น นอกจากนี้ยางที่ไหลออกมาอาจจะเหนียวน้อยลง ไม่ข้นเหนียวเหมือนมะม่วงน้ำดอกไม้อ่อนที่ยังมีน้ำเลี้ยงมาก อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจจะต้องอาศัยความชำนาญและการสังเกตอยู่บ้างนะคะ เพราะปริมาณและลักษณะของยางอาจแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลาและสภาพแวดล้อมค่ะ เป็นยังไงบ้างค่ะ กับเทคนิคทั้ง 10 ข้อสำหรับเลือกเก็บมะม่วงน้ำดอกไม้จากต้น จากงานยากกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ แล้วใช่ไหม? โดยหลายเคล็ดลับในบทความนี้ผู้เขียนใช้เองด้วยค่ะ เพราะที่นี่ที่บ้านสวนมีต้นมะม่วงน้ำดอกไม้อยู่หลายต้น ปลูกเอาไว้สำหรับเป็นผลไม้ในครัวเรือนค่ะ ที่มักนำมาบ่มเองแบบวางไว้ในอุณหภูมิห้อง รอจนกว่าจะสุกและนำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำในจานสวยงามค่ะ และเทคนิคที่ผู้เขียนใช้บ่อยก็คือ การดูที่ขั้วของผล การดูสังเกตผิวค่ะ ซึ่งพบว่าได้ผลมากๆ ส่วนลูกไหนที่อยู่ต่ำๆ ผู้เขียนชอบสังเกตขั้วผล จับดูความแน่นและดมกลิ่นค่ะ ที่ก็พบว่าได้ผลดี ที่ดูเหมือนว่าการดูความแก่จัดของมะม่วงน้ำดอกไม้นั้น ถ้าจะให้ดีควรใช้หลายเคล็ดลับในคราวเดียวกันนะคะ ยังไงนั้นลองอ่านทำความเข้าใจอีกรอบและนำไปใช้กันค่ะ และผู้เขียนหวังว่าเนื้อหาในบทความนี้จะสามารถเป็นแนวทางให้กับคุณผู้อ่านได้บ้าง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะเพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆนี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกโดยผู้เขียนใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่เกี่ยวข้องโดยผู้เขียน 9 วิธีดูขนุนแก่จัด ที่พร้อมตัดได้จากต้น และนำมาบ่มให้สุกเอง 8 วิธีดูน้อยหน่าแก่ พร้อมเก็บจากต้นมาบ่ม กินอร่อยทุกเม็ด วิธีดูกล้วยน้ำว้าแก่ พร้อมตัดจากต้น นำมาบ่มให้สุกเอง แบบง่ายๆ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !