#หีบหิว NAJU บุฟเฟ่ต์เกาหลี จากคนเกาหลี เพื่อความเกาหลีในราคาเบาๆ สวัสดีครับทุก ๆ คน ที่ติดตาม “น้องหีบ” มาเป็นเวลานานแสนนาน วันนี้ น้องหีบขอพาทุก ๆ ท่านเข้าสู่มิติใหม่แห่งการรีวิว ที่จะแยกหมวดหมู่เอาไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้การติดตามทุก ๆ อย่างง่ายขึ้นไปกว่าเดิมมาก ๆ สำหรับช่วงนี้ ได้แก่ช่วง #หีบหิว ที่น้องหีบจะพาทุกๆ ท่านไปหาแนวกิน แนวเที่ยว และแนวอิ่มท้องกันในทุกๆ แง่มุม ทั้งร้านอาหาร บุฟเฟ่ต์ คาเฟ่ ที่มีอยู่รอบกายรายล้อมใหญ่ครับ ครั้งนี้หีบมากมายหลายหีบยกหีบหนี จากเขาใหญ่เข้าสู่ตัวเมืองโคราชครับผม เพื่อพาทุกคนไปชิมร้านอาหารเกาหลีที่แม้ว่าร้านจะไม่โด่งดังหรือโดดเด่น แต่กลับมีลูกค้าเต็มอยู่ตลอดเวลาเลยครับ คนโคราชต้องรู้จักร้านนี้กันทุกคนเมื่อพูดถึงร้านอาหารเกาหลี “นาจู” คือร้านที่ถูกกล่าวถึงในอันดับต้นๆ เลยละครับ ร้านอาหารเกาหลีนาจู ตั้งอยู่บนถนนเส้นหลักตัวเมืองนครราชสีมา เดินทางผ่านเดอะมอลล์ นครราชสีมา ผ่านสามแยกเทอมินอล ก่อนจะยูเทิร์นตรงแยกอนุสาวรีย์เท้าสุรนารี กลับมาเล็กน้อย สังเกตธนาคารกสิกรไทย ร้านตั้งอยู่ตรงตึกแถวข้างธนาคาร ที่มีร้านอาหารตามสั่งตั้งอยู่ตรงหน้า ยิ่งทำให้ร้านนั้นไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ครับ ที่จอดรถค่อนข้างน้อยนะครับ อาจจะต้องหาที่จอดนิดหน่อย แต่ถ้ามาก่อน เข้าไปด้านหลังร้านจะมีบริเวณจอดให้ประมาณ 3 คันครับ ระยะเวลาการเปิดปิดของร้านคือ 2 รอบครับ ด้วยความที่เป็นร้านที่ทำกันแบบครอบครัว พนักงานไม่มากเท่าไหร่นัก ร้านเองก็มีประมาณ 10 โต๊ะ บรรยากาศทั้งหมดคล้ายการกินข้าวในบ้าน ทำให้ร้านต้องมีช่วงเวลาปิดเพื่อเตรียมของครับ รอบที่ 1 เวลา 11.00 – 14.00 น. รอบที่ 2 เวลา 16.00 – 22.00 น. ทั้งนี้ ร้านจะมีทั้งอาหารแบบจานเดี่ยวและแบบบุฟเฟ่ต์ครับ วันนี้หีบพามากินแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งทางร้านคิดราคาที่หัวละ 290 บาท ระยะเวลาในการทาน 80 นาทีครับ เลทได้นิดหน่อย ซึ่งเมนูของบุฟเฟ่ต์นั้นอาจจะไม่เยอะมากครับ เพราะเนื้อสัตว์จะมีให้ได้แก่... หมูสามชั้นสไลด์หนาครับ ความหนาที่ให้มาแบบถึงใจทำให้เวลาย่างนั้นเต็มปากเต็มคำครับ เหมาะกับการย่างที่ข้างนอกเกรียม ข้างในสุกกำลังดี อีกเมนูเป็นสันคอหมูครับ ความหนาพอๆ กันเลย มีมันแทรกสวยงามมากๆ รวมทั้งปลาหมึกอาเจนที่ให้มาครั้งละหนึ่งตัวเต็มๆ ซึ่งทั้งหมดให้ความเป็นเกาหลีมากๆ ครับ ด้วยความที่หลายๆ คนทราบดีว่าเกาหลีมีอาหารประจำชาติคือ สามชั้นย่าง ดังนั้นจึงไม่ได้มีเมนูอื่นๆ มาแทรกเยอะเหมือนยากินิคุครับ กลับกัน...สิ่งที่มีมากมายสุดๆ ในความเกาหลีคือเครื่องเคียงครับ ที่ให้มาหลากหลายมากครับ ทั้งกิมจิ ที่ผมขอแนะนำ และนำเสนอแบบสุดๆ เพราะทางร้าน เจ้าของร้านที่เป็นคนเกาหลีแท้ทำเองกับมือ รสชาติจึงอร่อยและมีความเปรี้ยวเผ็ดกำลังดี ลูกชิ้นปลาผัดน้ำมันงา ถั่วงอกผัดน้ำมันงา พอจอน ต้มจับฉ่ายสไตล์เกาหลี ต๊อกโบกีที่ทำสดๆ ใหม่ และพาจอน...พิซซ่าผักเกาหลี ที่ทั้งหมดจัดมาเสิร์ฟให้เป็นเครื่องเคียงแบบไม่อั้นกันเลยทีเดียวครับ และถ้าหากกินอาหารเกาหลี...มันก็ต้องขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้ นั่นคือผักห่อครับ ทางร้านจะมีผักสลัดและใบงามาให้ ซึ่งใบงานี่แหละครับ ที่ทำให้มื้ออาหารมื้อนี้เติมเต็มทุกอรรถรส ความหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของใบงานั้นช่วยให้รสชาติภายในปากนั้นรู้สึกสนุกสนาน หอม และเข้ากันกับทุกๆ อย่างบนโต๊ะครับ โดยวิธีการกินที่ทางมาดามเจ้าของร้านมาแนะนำคือ ย่างหมูสามชั้นก่อน โดยที่เตาย่างนั้นจะมีลายของพื้นเตา ให้วางสามชั้นตามลายยาวของเตาเพื่อไม่ให้ติดกระทะ ย่างให้กรอบเหลืองกำลังดีก็พลิกครับ แล้วตัดให้เป็นชิ้นพอดีครับ โดยที่ไม่ต้องหมักอะไรเลยสักอย่างเดียว จากนั้นจึงนำมาวางบนผักสลัดที่จับคู่มากับใบงา วางชิ้นหมู กระเทียม กิมจิ ราดซอสโคชูจังที่ทางร้านสั่งมาจากเกาหลีโดยตรง กับน้ำจิ้มที่ให้ความรู้สึกซีฟู้ดเล็กๆ จากนั้นก็ห่อแล้วกินแบบคำโตๆ ครับ ถึงใจจริงๆ ผลัดกันห่อ ผลัดกันย่างได้แบบสนุกสนานราวกับทานที่บ้าน โดยมีพนักงานคอยบริการทุกอย่างให้ เติมเครื่องเคียงให้ตลอด และเทคแคร์ราวกับเราเป็นญาติสนิทมิตรสหายครับ แต่ถ้าใครอยากทานเนื้อ ทางร้านก็มีเนื้อนอกให้ลิ้มลองนะครับ ราคาเริ่มต้นที่ 400-600 บาทครับ มีหลายชนิดเลย (แต่ทางร้านไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป เพราะไม่อยากให้เกิดการเปรียบเทียบกับร้านอื่น หรือบลัฟกัน ถ้าใครไปที่ร้านก็สามารถเปิดเมนูดูได้ครับ) แต่ถึงแม้ว่าเมนูทั้งหมดจะมีแค่เพียงหมูและสามชั้นย่าง แทรกแซมมาด้วยปลาหมึก ที่อาจจะดูไม่หลากหลาย แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันครบเครื่องในการกินข้าวหนึ่งมื้อครับ ด้วยความที่ชอบดูซีรีย์เกาหลีบ่อยๆ การที่เพื่อนฝูงมานั่งทานร่วมกันและหัวเราะสนุกสนาน ห่อหมูย่างกินพลางๆ ก็ทำให้ได้บรรยากาศที่แปลกไปกว่าปกติ เป็นการทานอาหารเกาหลีที่ต่างด้วยรายละเอียดเล็กน้อย แต่รสชาติโดยรวมกลับมีเอกลักษณ์ ขนาดที่ว่าคนในครอบครัวผมต่างอยากกลับไปที่ร้านนี้เป็นครั้งที่ 2 ทุกคนเลย...และผมก็คิดว่า มันคือร้านที่น่าจะพาครอบครัวมาทานกันพร้อมหน้าสักครั้ง เพราะรสชาติดี เนื้อหมูก็สดใหม่ แถมราคายังไม่แพงอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือการได้รับบรรยากาศเกาหลีแบบเต็มๆ เพราะบริหารร้านโดยคนเกาหลีแท้ๆ ครับ หากมีโอกาสได้เที่ยวพักผ่อนในตัวเมืองนครราชสีมา...ร้านเล็กๆ แห่งนี้เป็นร้านที่ผมขอยกนิ้วให้และบอกเลยว่า อื้ม....อาหร่อยยย!!! เพิ่มเติม แม้ว่าทางร้านจะอนุญาตให้กินเกินเวลาได้ แต่ด้วยความที่มีลูกค้ามาต่อคิวตลอดเวลา ลูกค้าควรรักษาเวลาแก่ลูกค้าท่านอื่นด้วย ราคาบุฟเฟ่ต์ สุทธิแล้ว รวมน้ำเปล่า และแตงโมเป็นของหวานตบท้าย พนักงานในร้านอาจจะมีไม่มาก ล่าช้าอย่างไรสามารถท้วงได้ครับ เพื่อให้ได้บรรยากาศการกินข้าวบ้านเพื่อน และสำหรับครั้งนี้ หีบก็หนีเขาใหญ่มาอีกแล้ว ดังนั้น จึงขอตัวกลับเขาก่อน เพื่อตามหาร้านดีๆ เด็ดๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้เอามาแบ่งปันกันมาเขียนรีวิวแนะนำอีกมากมายครับ ติดตามน้องหีบไว้ก่อนนะครับ รับรองไม่ผิดหวัง #ติดตามน้องหีบไว้เที่ยวเขาใหญ่ง่ายนิดเดียว เรื่องและภาพโดย น้องหีบ