การทานข้าวในบ้านเราถือเป็นเรื่องธรรมดาปกติค่ะ ที่บางคนได้เกี่ยวข้องตั้งแต่การไปหาซื้อข้าวสารและการหุงข้าว ซึ่งคนหนึ่งที่เป็นแบบนั้นคือผู้เขียนค่ะ โดยในกรณีของผู้เขียนนั้นอาจมีประสบการณ์เพิ่มเติมมาอีกนิหน่อยว่า ต้องนำข้าวเปลือกไปสีตามบ้านที่เขาบริการสีข้าวเปลือกค่ะ ดังนั้นพอจะพูดเรื่องการหุงข้าว ผู้เขียนมีเรื่องบอกต่อแน่นอนค่ะ ที่หลายคนก็สงสัยตลอดเวลาว่าทั้งๆ ที่ก็หุงข้าวมาเรื่อยๆ ว่า การหุงสวยให้สุกพอดีนั้น ใส่น้ำแค่ไหนกันแน่ แล้วที่เขาพูดบอกต่อกันว่า ให้ใส่นำลงไปหนึ่งข้อนิ้วมือ มันใช้ได้จริงไหม ทำไมข้าวบางชนิดลองแล้ว ไม่เห็นจะได้ตามที่พูดเลยหรือยังไงกันแน่ ในบทความนี้มีคำตอบกับความสงสัยเหล่านี้มาให้แล้วค่ะ ที่ต้องอ่านต่อให้จบ เพราะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านแน่นอน หากเย็นนี้ต้องหุงข้าว งั้นอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า? การหุงข้าวเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและเคมีที่เกิดขึ้นกับเมล็ดข้าว โดยเมื่อเราหุงข้าว ความร้อนจากน้ำเดือดจะทำให้น้ำซึมเข้าไปในเมล็ดข้าว และเกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้ค่ะ แป้งในเมล็ดข้าวพองตัว: เมื่อได้รับความร้อน แป้งในเมล็ดข้าวจะดูดซับน้ำและพองตัว ทำให้เมล็ดข้าวอ่อนนุ่มและมีขนาดใหญ่ขึ้น โครงสร้างของแป้งเปลี่ยนแปลง: ความร้อนจะทำลายพันธะระหว่างโมเลกุลของแป้ง ทำให้โครงสร้างของแป้งอ่อนตัวลง และแป้งก็จะสุกนิ่ม แป้งบางส่วนเปลี่ยนเป็นน้ำตาล: ความร้อนยังทำให้แป้งบางส่วนเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ทำให้ข้าวมีรสชาติหวานเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมน่าทานมากขึ้นค่ะ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการหุงข้าวให้สุก มีดังนี้ ปริมาณน้ำ: การใส่น้ำในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ข้าวสุกได้ที่ ไม่แฉะหรือแข็งเกินไป ชนิดของข้าว: ข้าวแต่ละชนิดมีความต้องการน้ำและเวลาในการหุงที่แตกต่างกัน ความร้อน: ความร้อนที่สูงพอจะช่วยให้ข้าวสุกเร็วขึ้น แต่ถ้าร้อนเกินไปอาจทำให้ข้าวไหม้ได้ ที่สรุปง่ายๆ ก็คือ การหุงข้าวก็เหมือนกับการนำเมล็ดข้าวไปต้มในน้ำเดือด ความร้อนและน้ำจะทำปฏิกิริยากับแป้งในเมล็ดข้าว จนทำให้ข้าวสุกนิ่มและพร้อมทานนั่นเองค่ะ ขั้นตอนการหุงข้าวด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า 1. ซาวข้าว: เพื่อกำจัดแป้งส่วนเกินและสิ่งสกปรกในข้าว โดยตวงข้าวสารตามปริมาณที่ต้องการใส่ลงในชาม ใส่น้ำสะอาดลงไป แล้วใช้มือขยี้ข้าวเบาๆ เพื่อขจัดสิ่งสกปรก เปลี่ยนน้ำซาวข้าว 2-3 ครั้ง จนน้ำใสสะอาด 2. เตรียมหม้อ: เช็ดหม้อหุงข้าวให้แห้งสนิท หากต้องการให้ข้าวหอมขึ้น สามารถนำใบเตยมาหั่นเป็นท่อนเล็กๆ ใส่ลงไปในหม้อได้ค่ะ 3. ตวงน้ำ: เทข้าวที่ซาวแล้วลงในหม้อ 4. หุงข้าว: ปิดฝาหม้อและกดปุ่มหุงข้าว วิธีวัดสัดส่วนน้ำต่อข้าวสาร 1. ดูที่ถุงข้าว: วิธีที่ง่ายที่สุดคือการดูที่ด้านหลังถุงที่ใส่ข้าวมาค่ะ เพราะแต่ละชนิดของข้าวจะมีอัตราส่วนน้ำที่เหมาะสมแตกต่างกันไป 2. ใช้หม้อหุงข้าว: หม้อหุงข้าวส่วนใหญ่จะมีเครื่องหมายบอกปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับข้าวแต่ละปริมาณอยู่แล้ว 3. วิธีวัดแบบบ้านๆ: โดยให้ทำตามนี้ค่ะ วิธีข้อนิ้ว: ตวงข้าวใส่หม้อ จากนั้นใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในข้าว แล้วเทน้ำให้สูงจากปลายนิ้วชี้ประมาณ 1 ข้อนิ้ว ซึ่งวิธีนี้เป็นเพียงการประมาณคร่าวๆ ที่ต้องปรับตามชนิดของข้าว วิธี 1 ต่อ 1.5: สำหรับข้าวหอมมะลิทั่วไป สามารถใช้อัตราส่วนข้าว 1 ส่วน ต่อ น้ำ 1.5 ส่วน ได้ เช่น ข้าว 1 ถ้วย ต่อน้ำ 1.5 ถ้วย ซึ่งจากที่ผู้เขียนได้วัดสัดส่วนของน้ำต่อข้าวด้วยวิธีง่ายๆ จากการวัดด้วยนิ้วมือนั้น พบว่า สามารถใช้ได้ดีกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 และข้าวอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับข้าวชนิดนี้ ที่ไม่ควรเป็นข้าวใหม่ เพราะข้าวออกใหม่จะใส่น้ำน้อยกว่าข้าวที่เก็บมาได้ระยะหนึ่งค่ะ และในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นข้าวสารแข็งมาก การใส่น้ำแค่ข้อนิ้วมือจะใช้ไม่ได้ ดังนั้นหลักการนี้เป็นเพียงการคาดคะเนน้ำที่ใส่ในข้าวสารก่อนหุงคร่าวๆ กับข้าวมะลิเท่านั้น เพราะว่าในสถานการณ์จริงนั้น ข้าวมะลิคนนิยมมากที่สุด ซึ่งถ้าเป็นข้าวอย่างอื่นยังมีข้อสังเกตที่จำเพาะเจาะจงดังนี้ค่ะ ข้าวกล้อง: ควรแช่ข้าวกล้องก่อนหุงประมาณ 30 นาที และใช้น้ำมากกว่าข้าวขาวเล็กน้อย ข้าวญี่ปุ่น: ใช้น้ำน้อยกว่าข้าวหอมมะลิเล็กน้อย และหุงด้วยไฟอ่อนๆ ข้าวเหนียว: ใช้น้ำมากกว่าข้าวขาวเล็กน้อย และหุงด้วยไฟอ่อนๆ นานขึ้น ข้าวสำหรับทำอาหารอื่นๆ: เช่น ข้าวผัด ข้าวต้ม อาจใช้น้ำน้อยกว่าปกติเล็กน้อย และปัจจัยที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำต่อข้าวสารตอนหุง ได้แก่ ชนิดของข้าว: ข้าวแต่ละชนิดดูดซับน้ำต่างกัน อายุของข้าว: ข้าวใหม่จะดูดซับน้ำมากกว่าข้าวเก่า ความชอบส่วนตัว: บางคนชอบข้าวแข็ง บางคนชอบข้าวเปียกนุ่ม และเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อข้าวสวยน่าทานมากขึ้น คือ เลือกข้าวคุณภาพดี: ข้าวที่ใหม่และมีคุณภาพดี จะทำให้ข้าวหุงออกมาอร่อยและมีกลิ่นหอม ใช้หม้อหุงข้าวที่สะอาด: หม้อหุงข้าวที่สะอาดจะช่วยให้ข้าวไม่ติดก้นหม้อและมีรสชาติที่ดีขึ้น ใช้ไฟอ่อนๆ ถ้าไม่ได้ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า: การใช้ไฟอ่อนๆ ในการหุงข้าวจะช่วยให้ข้าวสุกทั่วถึงและไม่แข็งกระด้างค่ะ ผึ่งข้าวหลังหุง: หลังจากหุงข้าวเสร็จแล้ว ควรเปิดฝาหม้อและผึ่งข้าวสักครู่ เพื่อให้ข้าวร่วนและไม่แฉะค่ะ จบแล้วค่ะ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะกับเคล็ดลับหุงข้าวสุกพอดีได้ง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้แน่นอนค่ะ โดยการวัดน้ำเพียงหนึ่งข้อนิ้วยังสามารถใช้ได้ แต่ให้เข้าใจและมองภาพให้ออกว่าจะใช้ยังไงค่ะ ที่ผู้เขียนก็ใช้วิธีการนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะส่วนตัวเป็นคนหุงข้าวเป็น ทำอาหารและทำงานบ้านค่ะ ดังนั้นพอพูดเรื่องหุงข้าวจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ในชีวิต ซึ่งเคล็ดลับหรืออะไรที่จะใช้ได้จริง ผู้เขียนก็ได้นำเสนอไว้หมดแล้วตามเนื้อหาข้างต้น ยังไงคุณผู้อ่านลองอ่านทำความเข้าใจดีๆ และเอาไปปรับใช้กันค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://food.trueid.net/detail/xK1435vY64pd https://news.trueid.net/detail/6nDQZAd0AwpW https://food.trueid.net/detail/jBplAyoNdN3B เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !