HIKINIKU TO COME ที่เขาเพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยไปเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา แต่ตัวเรามีอันต้องบินลัดฟ้าไปประเทศญี่ปุ่นแบบสวนเวลากันเสียได้ เลยไม่พลาดที่จะลิ้มลองความอร่อยของเนื้อแฮมเบิร์กชื่อดังที่ร้าน HIKINIKU TO COME สาขา Shibuya เพื่อเปิดต่อมความอร่อยของเนื้อแฮมเบิร์กหอมกรุ่น ปั้นสด ย่างคำต่อคำ กินแบบมีสเต็ปสูตรต้นตำรับจากประเทศญี่ปุ่นก่อนบินลัดฟ้ากลับมาเมืองไทยอีกครั้ง HIKINIKU TO COME สาขา Shibuya จะอร่อยจริงไหม ปังอย่างไรบ้าง มาดูกันได้เลยจ้า HIKINIKU TO COME สาขา Shibuya จองยังไง? สำหรับสาขาที่ Shibuya ทางร้านได้มีมาตรการรับเฉพาะการจองออนไลน์เท่านั้น (ไม่มี Walk-in) (แต่สาขา kichijoiji, Kyoto, Imaizumi มีรับ Walk-in อยู่) โดยสามารถเข้าไปกดจองผ่านทางเว็บไซต์ hikinikutocome ทางร้านจะเปิดจองล่วงหน้าแค่เพียง 7 วันเท่านั้น แต่ไม่ต้องตกใจไปเพราะสำหรับนักท่องเที่ยวสามารถจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 8 วันจนถึง 2 เดือน โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 1,000 เยน/ท่าน (ประมาณ 220 บาท) ส่วนราคาเซตอาหารเริ่มต้นจะอยู่ที่ 1,820 เยน/ท่าน (ประมาณ 400 บาท) ราคาเราว่าไม่แรงเลยค่ะคุ้มสุดๆ โดยในเซตจะประกอบไปด้วย เนื้อแฮมเบิร์ก 3 ชิ้น (ชิ้นละ 90 กรัม) ข้าวญี่ปุ่น หุงสุกใหม่ (รีฟิลได้) มิโสะซุป ซอสพอนสึฉบับโฮมเมด และหัวไชเท้าขูด เครื่องปรุงต่างๆ และผักดอง ไข่ไก่ทานสด เมื่อเรากดจองและจ่ายไปเรียบร้อยแล้ว พอถึงวัน-เวลาที่จองเอาไว้ให้เดินทางไปที่ร้าน HIKINIKU TO COME สาขา Shibuya พร้อมแสดงหลักฐานการจองที่ถูกส่งมาทางอีเมลได้เลย ทั้งนี้จะต้องไปถึงหน้าร้านให้พอดีกับเวลาที่จองเอาไว้ หากเลทเกิน 10 นาที ทางร้านจะยกเลิกการจองของเราไปเลย (ควรอ่านรายละเอียดการจองและข้อแม้ต่างๆ ให้ชัดเจนในช่วงที่กดจอง) HIKINIKU TO COME สาขา Shibuya เดินทางยังไง วิธีการเดินทางไม่ยากค่ะ นั่งรถไฟฟ้าสายไหนก็ได้มาลงที่สถานี Shibuya จากนั้นออกประตู Hachiko Gate เมื่อข้าม 5 แยกชิบูย่าให้เลี้ยวซ้ายเดินตรงไปเรื่อยๆ จนเจอกับ MEGA Don Quijote ร้านจะตั้งอยู่ที่ซอยตรงกันข้าม ให้เดินตรงเข้าไปจนเจอทางลาดขวามือและเดินไต่ขึ้นไปไม่เกิน 100 เมตรจะเห็นทางเข้าร้านอยู่ด้านซ้าย โดยร้าน HIKINIKU TO COME สาขา Shibuya เขาจะตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ของตึก (ไม่มีลิฟต์) เมนูร้าน HIKINIKU TO COME มีอะไรบ้าง เมนูของร้านหลักๆ จะเป็นเนื้อแฮมเบิร์กย่างสดใหม่ 3 ก้อน (ก้อนละ 90 กรัม) เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่นที่หุงด้วยหม้อฮากามะ มิโสะซุป ไข่ไก่ ซอส ผักดองและเครื่องปรุงต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเมนูเคียงอื่นๆ ที่สามารถสั่งเพิ่มเติมได้ก่อนเริ่มทาน ได้แก่ เนื้อแฮมเบิร์ก (สั่งเพิ่มได้) สลัดมันฝรั่งเนื้อ Asazuke กิมจิ เครื่องดื่มอื่นๆ รีวิว HIKINIKU TO COME สาขา Shibuya ส่วนตัวเราจองรอบ 17.00 น. พอถึงเวลาก็เดินเข้าตึกเพื่อเริ่มต่อคิวได้เลย เมื่อถึงรอบที่จองไว้พนักงานจะเดินออกมาคอนเฟิร์มรายชื่อการจองอีกครั้งแล้วทยอยเรียกคิวเข้าร้านทีละคิว คนก็เยอะจริงมีมาต่อคิวไม่ขาดสายมีทั้งชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ ตอนแรกก็สงสัยเหมือนกันค่ะว่าทำไมเขาเรียกให้เข้าไปแค่ทีละคิว พอเข้าไปเห็นจึงเข้าใจว่า เขาจะค่อยๆ ให้คนที่จองไว้เข้ามากดสั่งเมนูอื่นๆ รวมถึงพวกสินค้า (เสื้อยืด สติกเกอร์ ฯลฯ) เพิ่มเติม (สำหรับเซตอาหารไม่ต้องสั่งแล้วเพราะเราจ่ายมาก่อนล่วงหน้าตั้งแต่การจองออนไลน์) ถัดมาที่บรรยากาศภายในร้าน HIKINIKU TO COME สาขา Shibuya บอกเลยว่าทั้งร้านอบอวนไปด้วยกลิ่นเนื้อย่างหอมๆ แบบเต็มคาราเบลเลยละถึงแม้ตรงเตาย่างจะมีเครื่องดูดขนาดใหญ่แต่ก็สู้ควันไม่ได้ค่ะ เรียกได้ว่าสระผมกันลูกเดียวเท่านั้น (5555+) สำหรับผังในร้านประกอบด้วยเตาย่างหลักๆ 2 เตาที่กลางร้านแล้วถูกล้อมด้วยที่นั่งที่หันหน้าเข้าหาเตาทั้งหมด พนักงานตบเนื้อโชว์ปั้บๆๆ ไปมาแบบฝีมือสุดๆ แล้วย่างโชว์กันแบบฉ่ำๆ ได้เสียงซู่ซ่า เสียงน้ำมันของเนื้อหยดลงไปสะดุ้งกับเปลวไฟได้แบบชัดๆ ส่วนสไตล์การแต่งร้านจะเน้นงานปูนเปลือยตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีสว่างทำให้ร้านดูอบอุ่น สบายใจ สบายตามากๆ ถึงด้านในของร้านอาจจะไม่ใหญ่โตนักแต่ด้วยการจัดวางร้านอย่างเหมาะสมประกอบกับการเน้นแสงไฟหลักๆ ไว้ที่เตาย่างคล้ายกับฟลอร์เต้นรำของเชฟที่ทำหน้าที่ย่างเนื้อเลยทำให้ร้านกลายเป็นดูโปร่ง โล่ง ไม่แน่นขนัดไปด้วยโต๊ะตามมุมต่างๆ อันนี้เริ่ดมากคุณน้า ด้วยความที่ว่าควันมันโขมงมากๆ แน่นอนว่าพวกเสื้อผ้า ชุดคลุมหรือสิ่งของต่างๆ ที่ลูกค้าหิ้วมาด้วยมันอาจติดกลิ่นควันได้เขาเลยมีห้องสำหรับเก็บของเพื่อป้องกันกลิ่นไว้ให้เลย อันนี้ดีมาก มีประโยชน์สุดๆ ที่ด้านหลังของบาร์ที่นั่งมีน้ำเปล่าและไข่ไก่ให้บริการตัวเองฟรี สำหรับน้ำจะเติมเท่าไหร่ก็ได้ แต่ไข่ไก่สงวนสิทธิ์ 1 ฟอง/ท่านเท่านั้นจ้า ไล่มาที่โต๊ะนั่ง อุปกรณ์การทานจะถูกเตรียมเอาไว้ที่ลิ้นชักใต้โต๊ะ มีทั้งจาน ส้อม ทิชชู่เปียก ส่วนเจ้าหลอดสีเงินเท่ๆ 3 หลอดนี้คือ เกลือสีชมพู พริกไทยและพริกไทยญี่ปุ่น เวลาจะใช้ก็กดปุ่มด้านบนลงหลายๆ ครั้งคล้ายกับการกดปากกาอะไรทำนองนั้น สะดวกดี บนโต๊ะมีโพยขั้นตอนการทาน รายละเอียดเครื่องปรุง ผักดองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ด้านหน้า ซึ่งมันดีมากๆ ค่ะเพราะทำให้เรารู้ว่าต้องกินแบบไหนจึงจะเข้าถึงความตั้งใจของร้าน เครื่องปรุงอันไหนคืออะไร จะได้ไม่ต้องมาสุ่มๆ เดาๆ กันเอาเอง ชอบมากในความละเอียด เอาใจใส่ที่เป็น DNA ของประเทศญี่ปุ่นโดยโถเหล็ก 2 อันใหญ่ๆ จะเป็นผักกาดขาวดองในน้ำส้มสายชูพลัม รสออกเปรี้ยวๆ ผักกรอบ และซอสถั่วเหลืองหมัก ที่จะเป็นชิ้นๆ ของถั่วเหลืองมีรสเค็มๆ นำ มันๆ เบาๆ คล้ายกับเต้าเจี้ยวบดแต่ไม่เค็มเท่าเอามาคลุกกับข้าวอร่อยดี ส่วนในช่องเหล็กเล็กๆ จะมีเครื่องปรุงหลายอย่างมากๆ ทั้ง ซอสถั่วเหลือง (ในขวด) Salted Lemon with Green Chilli อันนี้อร่อย มันจะมีความเปรี้ยวสว่างผสมความเผ็ดนิดๆ Oil-marinated Green Chilli รสชาติเผ็ดนำ มีความมันของน้ำมันมะกอก Mou's Xinjiang Spice Mix ให้อารมณ์ผงพริกหมาล่าของจีน เผ็ดแหลมและมีความชาๆ ซ่าๆ ลิ้น Japanese Pepper Sauce มีความเผ็ดและเค็ม แตกต่างไปจาก Oil-marinated Green Chilli Fried Garlic flakes กระเทียมทอดชิ้นเล็กๆ รสชาติเค็มๆ หอมกลิ่นกระเทียม เครื่องปรุงเหล่านี้เราสามารถเอามาใส่ในชิ้นเนื้อตอนกินเพื่อปรับรสชาติได้ตามใจชอบ ส่วนวิธีการกินเนื้อ 3 ชิ้น ทางร้านแนะนำวิธีการกินมา 3 แบบไล่เรียงกันไป ใครจะเอ็นจอยตามวิธีที่ร้านบอกหรือจะกินตามใจชอบก็สุดแล้วแต่ที่เราต้องการได้เลย โดยวิธีกินที่ร้านแนะนำมีดังนี้ ชิ้นที่ 1 วางเนื้อลงบนข้าวสวยร้อนๆ กินเนื้อชิ้นโตๆ โดยไม่ต้องปรุงเพื่อให้เราสัมผัสความอร่อย ความชุ่มฉ่ำของเนื้อ ชิ้นที่ 2 กินเนื้อคู่กับซอสฟอนสึโฮมเมดรสเปรี้ยวและหัวไชเท้าฝนสด กรอบ ชิ้นที่ 3 กินเนื้อคู่กับไข่แดงเพื่อความนัวหรือจะราดซอสถั่วเหลืองลงไปเพิ่มความเค็ม ว่าแล้วก็มาเริ่มขั้นตอนการกินกันเลย หน้าที่นั่งของเราจะมีเตาขนาดเล็กๆ ด้านบนมีตะแกรงด้านล่างมีถ่านร้อนระอุรออยู่ เชฟจะย่างเนื้อจนสุกแล้วทยอยวางไล่ไปทีละที่นั่งเพื่อให้เราเริ่มหยิบทานไปทีละชิ้น ข้าวสวยและซุปมิโสะ ร้อนควันฉุยๆ ที่ได้ติดมาด้วยกับในเซต คำแรกวางเนื้อลงบนข้าวให้ความชุ่มฉ่ำ soak เข้าไปในเมล็ดข้าวร้อนๆ จากนั้นกัดเนื้อคำใหญ่ๆ นี่แหละเนื้อแฮมเบิร์กฉ่ำๆ ที่จริงใจ เนื้อร่วน หวาน หอม มีความ juicy ด้านในแบบเต็มปากเต็มคำ พุ้ยข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ตามเข้าไปติดๆ ยิ่งฟิน หลังจากที่เราละเลียดความอร่อยในชิ้นแรกไปจนหมด เมื่อได้เวลาเชฟจะเริ่มวางชิ้นเนื้อชิ้นที่ 2 ไว้บนเตา ในขณะเดียวกันพนักงานจะนำซอสพอนสึและไชเท้าขูดฝอยมาเสิร์ฟให้ทานด้วยกันกับชิ้นที่ 2 วางหัวไชเท้ากรอบๆ สดๆ ลงไปแล้วราดด้วยซอสพอนสึรสเปรี้ยวนำเค็มปิดท้าย คำนี้ดีมากเพราะมันมีความเค็ม มัน หอมของเนื้อที่ร้อนๆ ตัดสัมผัสด้วยความกรุบกรอบ หวานใสของหัวไชเท้าแล้วเสริมความอร่อยแบบตาลุกวาวด้วยซอสพอนสึ เยี่ยมสุดๆ ส่วนคำสุดท้าย ใครใครจะกินแค่ไข่แดงก็ทำได้แต่เราเลือกตีไข่แดงและไข่ขาวผสมเข้าด้วยกันจากนั้นใส่ซอสถั่วเหลืองลงไปนิดๆ เอาเนื้อลงมาจิ้มกินคู่กันได้ความมันของไข่เพิ่มลงไปด้วย จบแล้ววางเนื้อบนข้าวและราดไข่ลงไปกลายเป็นข้าวสวยร้อนๆ ราดด้วยไข่ไก่ดิบและเนื้อย่างชิ้นโต เป็น Combination ที่ดีมากๆ กินจนครบก็อิ่มแปร้ ในระหว่างการกินเนื้อ 3 ชิ้นนี้เรารีฟิลข้าวไปอีก 1 ครั้งถ้วน หากใครที่เริ่มเอียนๆ กับความมันของเนื้อหรืออยากลองเล่นสนุกกับรสชาติก็สามารถใช้เครื่องปรุง ผักดองหรือพวกเกลือในลิ้นชักด้านล่างมาเป็นตัวช่วยก็ทำให้เราเพลิดเพลินกับการกินไปได้อีกครั้ง สรุปแล้วร้าน HIKINIKU TO COME เนื้อแฮมเบิร์กอร่อยจริงไหม ดีจริงหรือเปล่า? สำหรับเราจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยค่ะ แต่ถ้าถามเราว่าอร่อยแบบตาหลุด กินแล้วแสงออกปากเลยหรือเปล่าอาจจะไม่ได้ถึงขนาดนั้น แต่เป็นความอร่อยที่เกิดขึ้นจากความสดใหม่ของวัตถุดิบ การย่างใหม่แบบชิ้นต่อชิ้นอย่างพิถีพิถัน การกินเลยทันทีที่ทุกๆ อย่างมันเกิดขึ้นเป็น Cycle แบบเรียลไทม์ทำให้อาหารที่อยู่ตรงหน้าของเรามันร้อน มันนุ่ม มันชุ่มฉ่ำ อร่อยไปหมด คุณภาพเนื้อหอม หวาน ยิ่งได้เจอกับการไล่เรียงกินไปทีละชิ้น ทีละแบบ ก็ยิ่งช่วยทำให้เราสนุกสนานไปกับรสชาติที่แตกต่างกันออกไปเรื่อยๆ ได้เป็นอย่างดี เราว่าความโดดเด่นของร้าน HIKINIKU TO COME ประกอบด้วยกัน 2 สิ่งหลักๆ คือ ความสดใหม่ของอาหารผสานกับประสบการณ์ตรงหน้าที่เราเจอทำให้เราสนุกไปกับการกินที่ไม่มีร้านไหนเหมือน ถามว่าอยากมาตำ HIKINIKU TO COME สาขา Central World ต่อไหม? ก็ตอบได้เลยว่าถ้ามีโอกาสก็จะไปลองชิมสาขาที่ไทยซ้ำอีกครั้งแน่นอน ภาพหน้าปก โดย ผู้เขียน ภาพในเนื้อหาทั้งหมด โดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !