ในช่วงนี้เริ่มจะมีฝนประปรายเข้ามากันบ้างอาจจะทำให้หลาย ๆ คนมีอาการไม่สบายเจ็บคอกันได้ วันนี้เลยอยากจะนำเมนูแสนธรรมดาอย่างแกงเขียวหวานมาปรับปรุงเพื่อเป็นแกงเขียวหวานสำหรับต้านโรคในช่วงนี้กันค่ะ โดยวันนี้จะทำแกงเขียวหวานที่มีส่วนผสมของฟักทองและใบชะพลู ซึ่งใบชะพลูนั้นมีฤทธิ์ร้อนช่วยในเรื่องของการขับเสมหะ และช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี ส่วนฟักทองที่นอกจากจะช่วยในเรื่องของการรักษาผิวพรรณแล้วตัวฟักทองนั้นยังมีอีกคุณสมบัติดังที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้นั่นก็คือมีส่วนช่วยในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายนั่นเองค่ะ อย่างในหลาย ๆประเทศที่มีฤดูหนาวที่หนาวจัดก็มักจะนิยมทานซุปฟักทองเพื่อช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี เราไปเริ่มทำกันเลยดีกว่าค่ะ เครื่องแกง หัวหอม 95 กรัม ผิวมะกรูด 12 กรัม ข่า 37 กรัม กระเทียม 15 กลีบ พริกขี้หนู 100 กรัม รากผักชี 4 กรัม ตะไคร้ 45 กรัม ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ ยี่หร่า 2 ช้อนโต๊ะ กะปิ 1 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา น้ำสะอาด 1 แก้ว วัตถุดิบ กะทิ 1 กิโลกรัม น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลมะพร้าว 1 ก้อน กุ้งแม่น้ำ 4 ตัว ฟักทอง 1 ถ้วย ใบชะพลู 1 กรัม พริกชี้ฟ้าแดง 1 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูด 3 ใบ วิธีทำ 1 นำส่วนผสมเครื่องแกงทั้งหมดลงปั่น โดย ค่อย ๆ ใส่น้ำทีละครึ่งแก้ว และทำการปั่น เพื่อให้สามารถปั่นได้สะดวกและไม่กระเด็น 2. ตั้งกระทะไฟกลาง จากนั้นนำน้ำกะทิประมาณ 2 กระบวยตักใส่ลงในกระทะ เมื่อกะทิเดือดเล็กน้อยให้นำเครื่องแกงที่ปั่นไว้แล้วนั้นใส่ลงไปในกระทะ ผัดจนน้ำเริ่มงวดลักษณะเป็นขี้เลน ใส่นำน้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าวใส่ลงไป ผัดต่อจนเครื่องแกงเป็นก้อนและมีน้ำมันเล็กน้อย แต่ในกรณีที่ใครใช้กะทิกล่องอาจจะไม่มีน้ำมันขึ้นมาให้ใส่ กะทิลงไปผัดเพิ่มอีกสักเล็กน้อยได้ค่ะ 3. จากนั้นนำหม้อขึ้นตั้งไฟและใส่น้ำกะทิลงไปในหม้อ ใส่เครื่องแกงที่เราผัดจนเป็นก้อนดีแล้วลงไป โดยค่อยๆใส่และคนให้ละลายจนเข้ากัน 4. รอจนกะทิเดือดเล็กน้อย จากนั้นนำฟักทองที่หั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นพอดีคำ กุ้ง และใบชะพลูใส่ลงไป รอจนสุกปรุงรสตามต้องการ 5. โรยหน้าด้วยมะกรูดหั่นฝอยและพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียง และจัดจานได้เลยค่ะ วิธีการง่ายมากเลยใช่ไหมคะ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าสูตรนี้จะมีกลิ่นของเครื่องเทศรุนแรงมาก หากใครที่ไม่ค่อยชอบกลิ่นแรงของเครื่องเทศสามารถลดยี่หร่าเหลือแค่ 1 ช้อนโต๊ะได้นะคะ และเคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งก็คือในขั้นตอนสุดท้ายที่เราจะชิมเพื่อปรุงรสอีกครั้งนั้นให้เราใส่น้ำปลาในขณะที่แกงเดือดเท่านั้น เพราะถ้าหากใส่น้ำปลาในขณะที่แกยังไม่เดือดจะทำให้มีกลิ่นเหม็นคาวได้ค่ะ อีกหนึ่งเคล็ดลับความอร่อยที่ขาดไม่ได้เลยก็คือน้ำตาลมะพร้าวนั่นเอง เพราะว่านอกจากจะให้ความหวานแล้วยังให้ความหอมกลมกล่อมที่แตกต่างกับน้ำตาลทรายอีกด้วย หากใครที่ชื่นชอบแกงเขียวหวานแล้วละก็อย่าลืมลองนำสูตรนี้ไปใช้กันนะคะ และเหมือนเดิมหากใครอยากดูรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถที่จะเข้าไปดูในคลิปวีดีโอการทำที่ทิ้งไว้ในลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ https://youtu.be/CGqX6uOmuWc