หลายคนคงเคยรับประทานอาหารที่มีรสชาติที่หลากหลาย วัตถุดิบแต่ละอย่างนั้นก็จะให้รสชาติรสสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป หลายคนชอบรสหวาน รสเปรี้ยว รสเค็ม รสเผ็ด แต่ไม่มีใครที่จะชอบทานอาหารรสขมอย่างแน่นอนยิ่งถ้าเป็นรสขมที่มาจากผักหรือพืชแล้วละก็ไม่อยากจะเอาเข้าปากกันเลยทีเดียว แต่เชื่อไหมว่าหากได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารอีสานที่ชื่อว่า ก้อยหมากลิ้นไม้ แล้วละก็จะต้องเปลี่ยนความคิดไปในทันใด มิหนำซ้ำจะต้องบอกว่า ขออีกจานแหน่ !! หลายคนสงสัยใช่ไหมว่าหมากลิ้นไม้คืออะไร รูปร่างเป็นยังไง ไปหาคำตอบพร้อมสูตรเด็ดก้อยหมากลิ้นไม้กันเลย หากพูดถึงหมากลิ้นไม้ ลิ้นฟ้า เชื่อว่าคนภาคอื่นที่ไม่ใช่ภาคอีสานี้ต้องงงไปตาม ๆ กัน แต่หากพูดถึงชื่อ เพกา ทุกคนต้องอ๋อขึ้นมาทันใด แล้วทำไมคนทางภาคอีสานถึงเลี้ยงว่าลิ้นฟ้า อาจจะด้วยรูปลักษณ์ของเพกาที่ยาวเหมือนลิ้นแถมยังอยู่บนยอดไม้สูงจึงได้ใช้เรียกชื่อลิ้นฟ้าลิ้นไม้ตามลักษณะที่เหมือนกับลิ้น รสชาติของเพกานั้นมีรสขมที่ต้องบอกว่าขมจนติดลิ้นเลย แต่ก็มีกรรมวิธีที่จะทำให้รสขมนั้นจากลงได้แถมยังเป็นอาหารที่หลายคนติดอกติดใจเมื่อได้ลิ้มลองรสชาติของก้อยลิ้นไม้กันมาแล้ว ว่าแล้วก็ไปดูสูตรเด็ดการทำก้อยเพกาหรือก้อยลิ้นไม้กันเลย ส่วนผสมมีดังนี้ 1. เพกาหรือลิ้นไม้ 2. พริกป่น 3. ข้าวคั่ว 4. น้ำปลา 5. มะนาว 6. ผงปรุงรส 7. หอมซอย , หอมแดง , สะระเหน่ วิธีการทำ ก่อนอื่นนำลิ้นไม้ไปย่างไฟให้สุกสังเกตจากผิวของลิ้นไม้นั้นที่ไหม้พุพองขึ้นมาจากนั้นนำไปล้างน้ำลอกเปลือกที่ไหม้ไฟออก นำมาซอยเป็นชิ้นเล็ก ๆ พักไว้ในชาม ใส่พริกป่น ข้าวคั่ว ผงปรุงรส มะนาว คลุกเข้าให้เข้ากัน ใส่ หอมซอย , หอมแดง , สะระเหน่ ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมกับผักเคียงที่เป็นผักสวนครัวหลังบ้านง่าย ๆ เกิดคำถามใช่ไหมแล้วรสขมหายไปได้ยังไง ที่จริงมันก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกเพียงแต่ด้วยส่วนผสมที่ใส่เข้าไปทำให้ไปกลบรสาชาติขมให้อ่อนลงเท่านั้นเอง จะติดขมปลาย ๆ บางสูตรจะใส่หนังหมูเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางอาหารด้วย เพกาหรือลิ้นไม้เป็นพืชที่มีประโยชน์อย่างมากในทางยาช่วยบำรุงธาตุ หรือบางคนที่มีอาการไอหรือมีเสมหะการรับประทานฝักอ่อนก็จะช่วยได้เช่นกัน นอกจากนั้นส่วนอื่น ๆ ยังมีสพรรพคุณทางยาเช่น เมล็ด ช่วยเรื่องการระบาย ใบช่วยเรื่องแก้ปวดท้อง ขับลม เป็นต้น รู้แบบนี้แล้วเย็นนี้ต้องรีบไปหามาทำรับประทานกันแล้ว ที่จริงสามารถที่จะปลูกไว้ที่หลังบ้านได้เพราะเป้นพืชที่โตง่าย ไม่ต้องบำรุงอะไรมากมาย ระยะเวลาการปลูกไม่นานก็ให้ผลมาใช้ประกอบอาหารได้แล้ว เครดิตภาพปก เทพ สุวรรณ ผู้เขียน เครดิตภาพ เทพ สุวรรณ ผู้เขียน