9 วิธีเลือกปีกบนไก่ สดใหม่ มีคุณภาพดี มาทำอาหาร | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ปีกบนไก่เป็นส่วนที่หลายคนชื่นชอบนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นการทอด ย่าง หรืออบ แต่จะเลือกปีกบนไก่ยังไงให้ได้เนื้อนุ่ม หนังกรอบ และอร่อยถูกปากนั้น เป็นเรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้! และคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การเลือกซื้อปีกบนไก่ที่ดีนั้น ไม่ใช่เรื่องยากนะคะ เพียงแต่ต้องสังเกตดูรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง และคุณผู้อ่านก็จะได้ปีกไก่ที่สดใหม่และมีคุณภาพดีมาทำอาหารได้อย่างมั่นใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อจากตลาดสดหรือซูเปอร์มาร์เก็ต การเลือกปีกบนไก่สามารถทำได้ง่ายๆ จากเคล็ดลับที่ผู้เขียนจะได้พูดถึง ดังนั้นต้องอ่านต่อให้จบ ถ้าอยากรู้ว่าเคล็ดลับการเลือกซื้อปีกบนไก่ให้สดใหม่และมีคุณภาพดีมีอะไรบ้างค่ะ 1. ดูที่สี สีของเนื้อสัตว์เป็นตัวบ่งบอกถึงความสดใหม่ เพราะเมื่อเนื้อสัตว์เริ่มเสื่อมสภาพ สีของมันจะเปลี่ยนแปลงไป โดยให้สังเกตปีกบนไก่ตามนี้ค่ะ สีชมพูอ่อนหรือขาวอมชมพู ปกติปีกบนไก่สดใหม่มีสีชมพูสดใสนะคะ สีซีด: ถ้าเนื้อของปีกบนไก่เริ่มไม่สด เราจะพบว่ามีสีซีดลงค่ะ สีคล้ำ: เมื่อปีกบนไก่เริ่มเน่าเสีย เนื้อจะมีสีคล้ำลงค่ะ เช่น สีเทา สีน้ำตาล หรือสีเขียว และปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้สีของเนื้อไก่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ การสัมผัสกับอากาศ: เมื่อเนื้อไก่สัมผัสกับอากาศนานๆ จนทำให้เนื้อมีสีเข้มขึ้น การสัมผัสกับแสง: แสงสามารถเร่งปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้เนื้อไก่เปลี่ยนสีได้ อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป สามารถทำให้เนื้อไก่เสื่อมสภาพและเปลี่ยนสีได้เร็วขึ้น การปนเปื้อนของแบคทีเรีย: แบคทีเรียบางชนิดสามารถทำให้เนื้อไก่เปลี่ยนสีได้ เช่น สีเขียว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเนื้อไก่เน่าเสียแล้ว 2. สัมผัสเนื้อ ปกติเนื้อไก่ที่สดใหม่จะมีความแน่นและยืดหยุ่น เนื่องจากเซลล์ของเนื้อไก่ยังคงสภาพสมบูรณ์ เมื่อกดลงไปแล้วรอยบุ๋มจะค่อยๆ คืนตัวกลับมาเป็นปกติ เนื้อไก่ที่คุณภาพดีจะมีเส้นใยเนื้อที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้เนื้อมีความแน่นและไม่ยุบตัวง่าย หากเนื้อไก่เริ่มบูดเสีย เซลล์ของเนื้อไก่จะถูกทำลาย ทำให้เนื้อไก่สูญเสียความชุ่มชื้น เนื้อจะนิ่มยวบ และเมื่อกดลงไปแล้วรอยบุ๋มจะไม่คืนตัว และวิธีสังเกตเนื้อไก่สดใหม่ด้วยการสัมผัส มีดังนี้ ความแน่น: ใช้ปลายนิ้วกดลงไปบนเนื้อไก่เบาๆ เนื้อไก่ที่ดีควรมีความแน่น ไม่นิ่มยวบ หรือรู้สึกว่าเนื้อยุบตัวลงไปมาก ความยืดหยุ่น: เมื่อกดลงไปแล้วรอยบุ๋มควรค่อยๆ คืนตัวกลับมาเป็นปกติภายในเวลาไม่นาน ไม่มีรอยช้ำ: เนื้อไก่ควรเรียบเนียน ไม่มีรอยช้ำ หรือรอยเขียวช้ำ ซึ่งอาจเกิดจากการกระแทกหรือการบีบอัด 3. ดมกลิ่น หลายคนยังไม่รู้ว่า เมื่อเนื้อไก่เริ่มเสื่อมสภาพ แบคทีเรียจะเข้ามาทำปฏิกิริยากับโปรตีนและไขมันในเนื้อไก่ ทำให้เกิดสารประกอบที่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งเป็นกลิ่นที่เราไม่พึงประสงค์ และถ้าหากเนื้อไก่สัมผัสกับสิ่งสกปรก เช่น ดิน น้ำเสีย หรือสารเคมี อาจทำให้เกิดกลิ่นแปลกปลอมปนเปื้อนมาได้ และกลิ่นของไก่สดใหม่มีลักษณะดังนี้ ไม่มีกลิ่นคาว: ไก่สดใหม่จะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่อ่อนโยน ไม่รุนแรง และไม่มีกลิ่นเหม็นคาว ไม่มีกลิ่นเปรี้ยว: ไก่ที่เริ่มบูดจะมักมีกลิ่นเปรี้ยว เนื่องจากแบคทีเรียผลิตกรดออกมา ไม่มีกลิ่นเหม็นอับ: หากไก่ถูกเก็บไว้ในที่อับชื้นหรือมีการปนเปื้อนของเชื้อรา อาจมีกลิ่นเหม็นอับ 4. ดูที่หนัง หนังไก่ที่เรียบเนียนและไม่มีรอยเสียหายบ่งบอกว่าไก่ถูกจัดการอย่างระมัดระวังและยังคงความสดใหม่ รอยช้ำ รอยขาด หรือรอยฉีกขาดบนหนังไก่เป็นเหมือนประตูเปิดให้เชื้อโรคเข้าไปปนเปื้อนเนื้อด้านในได้ง่ายขึ้น โดยหนังไก่สดใหม่จะมีสีเหลืองอ่อนหรือขาวอมเหลือง ไม่ซีดหรือคล้ำเกินไป หนังไก่ควรมีความชุ่มชื้นเล็กน้อย ไม่แห้งกรอบเกินไป ไม่มีรอยช้ำ เพราะรอยช้ำบนหนังไก่บ่งบอกว่าไก่ได้รับการกระแทกหรือบีบอัด ซึ่งอาจทำให้เนื้อด้านในเสียหายได้ ไม่มีขนหลงเหลือ เนื่องจากหนังไก่ควรไม่มีขนหลงเหลืออยู่ เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค 5. สังเกตความชื้น ปีกบนไก่สดใหม่จะมีความชื้นในระดับที่เหมาะสม ไม่เปียกชื้นจนเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากการล้างทำความสะอาดไม่สะอาด หรือการบูดเสีย หรือแห้งเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากการเก็บรักษานานเกินไป ความชื้นที่มากเกินไปเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งอาจทำให้ไก่เน่าเสียได้เร็วขึ้น ในขณะที่ความชื้นที่เหมาะสมจะช่วยรักษาความนุ่มและรสชาติของเนื้อไก่ค่ะ ซึ่งวิธีสังเกตความชื้นของปีกไก่ ได้แก่ สัมผัส: ใช้ปลายนิ้วแตะที่ผิวหนังของไก่ เนื้อไก่สดใหม่จะมีความชุ่มชื้นเล็กน้อย ไม่เหนียวติดมือ และไม่แห้งกรอบ สังเกตบรรจุภัณฑ์: หากซื้อไก่ที่บรรจุในภาชนะปิดสนิท ให้สังเกตว่ามีน้ำขังอยู่ภายในหรือไม่ หากมีน้ำขังมากเกินไป อาจบ่งบอกว่าไก่ไม่สดนะคะ ดมกลิ่น: ไก่สดใหม่จะไม่มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นเปรี้ยว หากมีกลิ่นผิดปกติ อาจเกิดจากการบูดเสียหรือความชื้นที่มากเกินไป โดยสาเหตุที่ทำให้ไก่มีความชื้นมากเกินไป เช่น การล้างทำความสะอาดไม่สะอาด: การล้างปีกบนไก่ด้วยน้ำปริมาณมากหรือแช่น้ำนานเกินไป อาจทำให้เนื้อไก่ดูดซับน้ำมากเกินไป การเก็บรักษาที่ไม่ถูกวิธี: การห่อหุ้มปีกบนไก่ไม่ดี หรือการเก็บไก่ไว้ในภาชนะที่ไม่สะอาด อาจทำให้ไก่มีความชื้นสะสม การเน่าเสีย: เมื่อปีกบนไก่เริ่มเน่าเสีย เซลล์ของเนื้อไก่จะแตกตัว ทำให้น้ำภายในเซลล์ไหลออกมา ทำให้เนื้อไก่ดูเปียกชื้นค่ะ 6. ตรวจสอบอุณหภูมิ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น อุณหภูมิห้องที่ปกติจึงเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อาจทำให้ปีกบนไก่เน่าเสียได้ แต่การเก็บรักษาไก่ในอุณหภูมิที่ต่ำ เช่น ในตู้เย็น จะช่วยชะลอการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเอนไซม์ที่ทำลายเนื้อไก่ ทำให้ไก่สดใหม่ได้นานขึ้น และวิธีสังเกตว่าปีกไก่ที่ซื้อมาเก็บรักษาที่อุณหภูมิถูกต้องหรือไม่ มีดังนี้ค่ะ สังเกตจากการสัมผัส: ปีกไก่ที่เก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมจะรู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส ไม่อุ่นหรือเย็นจัดเกินไป สังเกตจากภาชนะบรรจุ: หากปีกไก่บรรจุในภาชนะที่มีน้ำแข็งเกาะอยู่แสดงว่าถูกเก็บรักษาในอุณหภูมิที่ต่ำ สอบถามผู้ขาย: สอบถามผู้ขายเกี่ยวกับวิธีการเก็บรักษาปีกไก่ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ สังเกตสภาพโดยรวม: ปีกไก่ที่เก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมจะมีสีสันสดใส เนื้อแน่น ไม่นิ่มยวบ และไม่มีกลิ่นเหม็นค่ะ 7. เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ การเลือกซื้อปีกบนไก่จากแหล่งที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญมากในการรับประทานอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนของเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ จากที่ร้านค้าที่ได้มาตรฐานจะมีระบบการทำความสะอาดที่ถูกสุขลักษณะ ทั้งอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร และพื้นที่ในการจัดเก็บอาหาร ทำให้มั่นใจได้ว่าปีกบนไก่ที่เราซื้อมานั้นสะอาดและปลอดภัย เนื่องจากร้านค้าเหล่านี้จะมีการตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มั่นใจได้ว่าปีกบนไก่ที่เราซื้อมานั้นสดใหม่ และไม่มีการปนเปื้อนของสิ่งแปลกปลอม และร้านค้าที่น่าเชื่อถือจะมีการเปิดเผยแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ทำให้เราสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าวัตถุดิบนั้นปลอดภัยและมีคุณภาพหรือไม่ และวิธีเลือกแหล่งซื้อที่น่าเชื่อถือ ได้แก่ เลือกซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านค้าที่ได้รับการรับรอง: ร้านค้าที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีความน่าเชื่อถือในเรื่องของความสะอาดและมาตรฐานอาหาร สังเกตความสะอาดของร้าน: ต้องสังเกตความสะอาดของร้านค้า รวมถึงตู้แช่ที่ใช้เก็บปีกบนไก่ ตู้แช่ควรสะอาด ไม่มีน้ำแข็งเกาะ และไม่มีกลิ่นเหม็นค่ะ 8. ดูฉลาก การตรวจสอบฉลากบนบรรจุภัณฑ์ของปีกบนไก่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะฉลากจะบอกรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ เช่น วันผลิต วันหมดอายุ ส่วนผสม และแหล่งที่มา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจว่าได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยค่ะ โดยสิ่งที่ควรตรวจสอบบนฉลาก เช่น วันผลิต: วันผลิตจะบอกให้เราทราบว่าปีกบนไก่นั้นผลิตขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งจะช่วยให้เราประเมินความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ได้ วันหมดอายุ: วันหมดอายุเป็นวันสุดท้ายที่ผู้ผลิตรับรองว่าผลิตภัณฑ์ยังคงมีความสดใหม่และปลอดภัยต่อการบริโภค แหล่งที่มา: ฉลากจะระบุแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เช่น ประเทศผู้ผลิต หรือโรงงานผลิต ซึ่งจะช่วยให้เราทราบที่มาของผลิตภัณฑ์และมีความมั่นใจในคุณภาพได้มากขึ้น วิธีการเก็บรักษา: ฉลากจะระบุวิธีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเก็บรักษาปีกบนไก่ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดได้ 9. เลือกขนาด ปีกบนไก่มีหลายขนาด โดยทั่วไปแล้วขนาดของปีกบนไก่จะแตกต่างกันไปตามแหล่งที่มาของไก่ และวิธีการแปรรูป แต่โดยรวมแล้วสามารถแบ่งออกได้เป็นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ปีกบนไก่ขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับการทำเมนูที่ต้องการใช้เวลาในการปรุงอาหารนาน เช่น การอบ การย่าง หรือการตุ๋น เพราะเนื้อปีกจะได้ที่นุ่มและฉ่ำ ปีกบนไก่ขนาดกลาง: เป็นขนาดที่นิยมใช้กันมากที่สุด เพราะมีขนาดพอดี ไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับทำเมนูหลากหลาย เช่น ทอด ต้ม หรือผัด ปีกบนไก่ขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับการทำเมนูที่ต้องการความรวดเร็ว เช่น การทอดกรอบ หรือการปิ้งย่าง เพราะเนื้อจะสุกเร็ว และทั้งหมดที่พูดมานั้นคือเคล็ดลับสำหรับเลือกปีกบนไก่ค่ะ ไม่ได้ยากจนเกินไปใช่ไหมคะ? ปีกบนสดใหม่พอนำมาทำอาหารแล้ว ให้รสชาติและเนื้อสัมผัสดีมากค่ะ ดังนั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องนำเทคนิคในบทความนี้ไปใช้ โดยสิ่งที่ผู้เขียนใช้ตลอด เช่น การเลือกซื้อปีกบนไก่จากร้านขายที่น่าเชื่อถือได้ การดูสีของปีกบนไก่ ที่ไม่ควรมีสีคล้ำ รอยช้ำ และไม่มีกลิ่นเหม็นค่ะ ทั้งนี้สิ่งที่ผู้เขียนจะไม่เคยลืมเลย คือ การตรวจสอบอุณหภูมิในการเก็บรักษาปีกบนไก่ในตอนนั้น ด้วยการสัมผัสดูว่ามีความเย็นไหมคะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านก็ออย่าลืมนำเคล็ดลับดีๆ ในนี้ไปใช้บ้างนะคะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://food.trueid.net/detail/1lq8kE7ZYDZe https://food.trueid.net/detail/2gV2Mbp5KeGg https://food.trueid.net/detail/XqgJwQ5wgWYR หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !