สิบเอ็ดโมงเช้าของวันเสาร์ เราแบกท้องว่าง ๆ ของเราไปตายเอาดาบหน้าที่ร้านอาหารสักที่หนึ่ง บนถนนในตัวเมืองโคราช เนื่องด้วยมันเป็นเสาร์ ร้านรวงต่าง ๆ ที่เคยเปิดขายในเวลาเช้าก็ปิดให้บริการกันไปเสียหมด ในสมองที่คิดประมวลผล บอกให้ขับไปยังถนนเส้นหนึ่งที่อยู่ในบริเวณที่ทำงานเก่า ผมลาออกจากที่ทำงานเก่ามาก็ 5 ปีเข้าไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่ขับรถผ่านถนนเส้นนี้ ผมจะเห็นภาพของแม่ค้าขนมจีน หน้าตาเปื้อนรอยยิ้ม นั่งบนเก้าอี้เตี้ย ๆ มีหาบขนมจีน เกาอี้พลาสติกเล็ก ๆ ที่วางอยู่หลายตัว และโต๊ะวางของเล็กๆที่เต็มไปด้วยหม้อน้ำยาขนมจีนและเครื่องครัวต่าง ๆ รายล้อมไปด้วยผู้คนที่มะรุมมะตุ้ม นั่งยอง ๆกินขนมจีนที่แกขาย ภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในทุก ๆ วันที่ผ่านไปพบเจอ จนอดประหลาดใจไม่ได้ เหตุใดร้านค้าหาบเร่แผงลอยขายขนมจีนเล็ก ๆ ร้านนี้ถึงอยู่ได้ยาวนานเป็นที่นิยมของคนเดินดินกินข้าวแกงมาอย่างยาวนาน ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เตี้ยตัวเล็ก ๆ ตรงหน้านี้คือแผงขนมจีนหาบเร่ ที่มีเครื่องเคราขนมจีนเต็มไปหมด มีหม้อน้ำยาขนมจีนอยู่สี่หม้อ มีผักสดที่เอาไว้กินกับขนมจีน แม่ค้ากุลีกุจอตักขนมจีน ท่ามกลางผู้คนที่รุมล้อมรอบๆแผงของแก บัดนี้เวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง ผู้คนมะรุมมะตุ้มสั่งขนมจีนจากแม่ค้า จนผมไม่มีโอกาสได้แนะนำตัว ไหน ๆ ก็เลยตามเลยก็แล้วกัน คุยกันแบบบ้าน ๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรกันมากมาย ผมเอ่ยปาก สั่งขนมจีนน้ำยาไก่ ใส่น่องไก่ด้วย หนึ่งจาน แม่ค้าจับขนมจีนใส่ชามสังกะสีแบบโบราณ แล้วตักน้ำยาขนมจีน ราดลงบนเส้น แกใช้ทัพพีตักชิ้นน่องไก่ชิ้นโต วางโปะลงด้านบน แล้วใช้กรรไกร ตัดหั่นเนื้อของน่องไก่ให้เป็นชิ้นเล็กพอดีคำ เพื่อลูกค้าจะได้ไม่ต้องใช้มือหยิบแทะน่องไก่ แม่ค้ายื่นชามสังกะสีใส่ขนมจีนดังกล่าวมาให้ ผมรับมาถือ แล้วใช้ช้อนตักเส้นขนมจีนเข้าปาก รสชาติของน้ำยาขนมจีน ที่เข้มข้นถึงรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของน้ำยาขนมจีนบ้านประโดก เส้นขนมจีนเหนียวนุ่มกำลังดี น่องไก่ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เหมือนละลายในปาก คงใช้เวลาตุ๋นอยู่นานเลยทีเดียว ผู้คนเริ่มทยอยนั่งกินขนมจีนบนเก้าอี้พลาสติกเล็ก ๆ มือหนึ่งยกขึ้นถือจาน อีกมือหนึ่งถือช้อนตักขนมจีนเข้าปาก มุมใครมุมมันอย่างเงียบ ๆ ผมทำลายความเงียบเหล่านั้นด้วยการถามคำถามอย่างตรงไปตรงมา "ป้าขายมากี่ปีแล้วนี่?" ผมเอ่ยถามด้วยสำเนียงภาษาโคราชที่แปร่งไปจากภาษาภาคกลาง แม่ค้าที่มีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ขมวดคิ้วแล้วพลางแหงนหน้านึกถ้อยคำในอากาศ "น่าจะ 40 ปีแล้วลูก...." ผมประหลาดใจ จึงถามคำถามเดิมซ้ำ.....ขายมากี่ปี "ป้าน่ะขายมา 40 ปี แล้ว ไม่ใช่อายุป้านะ ขายมาตั้งแต่ป้ายังเป็นเด็กน้อยหาบขนมจีนขายกะแม่" โห!! เสียงอุทานจากคนแปลกหน้าที่นั่งร่วมวงโซ้ยขนมจีนบนแผงขนมจีนขนาดเล็ก ดังขึ้นพร้อมกัน "แล้วป้าอายุเท่าไหร่เนี่ย" "แกทายสิว่าป้าอายุเท่าไหร่.....? ฮ่าๆๆ ทายไม่ถูกใช่มั้ย ป้าน่ะห้าสิบสามแล้ว ป้ามาขายตรงนี้ตั้งแต่ตึกตรงนั้นยังไม่สร้างเลย....." แม่ค้าขายขนมจีนชี้ไปยังตึกฝั่งตรงข้ามกัน ที่บัดนี้ก็ดูเก่าแล้ว ไม่ได้เหมือนตึกใหม่เลยแม้แต่น้อย "ป้าชื่ออะไรครับ?" "ชื่อเล่นชื่อเอื้อยลูก ชื่อจริงชื่อสาคร โพนเกาะ" ป้าเอื้อย... "สาคร โพนเกาะ" แม่ค้าขายขนมจีน ที่หน้าเปื้อนรอยยิ้มแทบจะตลอดเวลา ตอบกลับคำถามผมอย่างตรงไปตรงมา ในขณะที่ผม สนทนาไปด้วย โซ้ยเส้นขนมจีนเข้าปากไปด้วยอย่างเพลินอารมณ์ ป้าเอื้อยแกเล่าว่า ป้าหาบของขายมาตั้งแต่ยังเด็ก สมัยก่อนก็ขายกับคุณแม่ ซึ่งพาแกหาบขนมจีนขาย จากหมู่บ้านประโดก เดินหาบเรื่อยมาขายยังตัวเมือง ซึ่งห่างไกลออกจากหมู่บ้านราว ๆ สิบกิโล ตั้งแต่แกอายุได้แค่ราว ๆ สิบสามขวบ จนกระทั่งโตเป็นสาว ป้าเอื้อยจึงได้มาขายอยู่ที่นี่ บริเวณบนฟุตบาท หน้าภัตตาคารโภคภัณฑ์ ใกล้กับห้างสรรพสินค้าคลังพลาซ่า ถนนอัษฎางค์ ในส่วนของขนมจีนที่ป้าเอื้อยขายนั้น มีทั้งน้ำยาไก่ น้ำยาปลา ซึ่งทำมาจากกะทิ น้ำยาป่า ที่เผ็ดด้วยพริกแกง และไม่ใส่กะทิ และน้ำยาหวาน ที่ใช้ถั่วลิสงเป็นวัตถุดิบ เด็ก ๆ ก็กินได้เพราะไม่เผ็ด มีน่องไก่และเครื่องในไก่ให้เลือกใส่ได้ ซึ่งในส่วนของเครื่องในนั้นไม่มีกลิ่นคาว น่องไก่ที่ตุ๋นมานาน จนเนื้อไก่แทบจะละลายในปาก ป้าเอื้อยแกเล่าว่า แกโตมากับครอบครัวที่ทำขนมจีนตั้งแต่เด็ก ซึ่งหมู่บ้านที่ป้าเอื้อยอยู่ คือหมู่บ้านประโดก ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการทำขนมจีน โดยชุมชนหมู่บ้านประโดกนั้นจะมีอาชีพทำขนมจีนกันแทบจะทุกครัวเรือน ชื่อเสียงร่ำลือถือถึงขนมจีนบ้านประโดก ว่าเป็นของดีอีกแห่งหนึ่งที่คนมาเยือนเมืองโคราช จะต้องได้ลิ้มลอง สูตรน้ำยาขนมจีนของป้าเอื้อยนั้นแกพิถีพิถัน ตั้งแต่การตำพริกแกง ซึ่งจะใช้เนื้อปลาเป็นส่วนผสมในพริกแกงด้วย เพิ่มความเข้าข้นขึ้นด้วยน้ำปลาร้า ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของน้ำยาขนมจีนในภาคอีสาน ทำให้ในน้ำยาขนมจีน มีความ"นัว" และเข้มข้น อย่างเป็นเอกลักษณ์ ต่างจากน้ำยาขนมจีนในภาคอื่น ๆ โดยสูตรลับเฉพาะของป้าเอื้อย เป็นสูตรดั้งเดิม ต้นตำรับ ที่ส่งต่อถึงมือจากรุ่นสู่รุ่น จากหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของการทำขนมจีน ยังมีเครื่องเคียงเป็นผักสดบุฟเฟ่ต์ ที่จะตักเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ทั้งสะระแหน่ ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ถั่วงอก หัวปลีซอย หลังจากอิ่มท้อง ป้าเอื้อยคิดเงินค่าขนมจีนชามนี้ในราคา 45 บาท ถือว่าไม่แพงไปเลยเมื่อเทียบกับรสชาติ และความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพของร้านขนมจีนประโดกร้านป้าเอื้อยนั้น ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็คงจะคล้ายกับสภาขนมจีน ที่คนแปลกหน้า จะเวียนมานั่งกินขนมจีน พร้อมทั้งสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ชีวิต รวมไปถึงข่าวสารเหตุการณ์บ้านเมืองกันอย่างออกรส เพราะที่นี่คือร้านติดดิน ที่คนกิน ไม่ว่าจะร่ำรวยเงินทอง ยศฐาบรรดาศักดิ์ หรือเป็นเพียงคนธรรมดาต่ำต้อย ต่างก็นั่งเสมอกัน บนเก้าอี้พลาสติกตัวเล็กๆ หน้าแผงหาบขนมจีน ซึ่งมีป้าเอื้อยแม่ค้า ผู้เป็นเสมือนประธานสภาขนมจีนแห่งนี้ มันเป็นภาพที่หาชมที่อื่นได้ยากจริง ๆ บทสนทนาที่เป็นไปอย่างถูกคอ ก็ต้องจบลง เมื่อผมขอตัวไปทำภากิจกระจำวันต่อ ก่อนจากกัน ป้าเอื้อยยังให้พร ตามแบบฉบับของคนจิตใจงาม ที่ปรารถนาให้คนอื่นมีแต่ความสุขความเจริญ ผมเองก็อวยพรให้ป้าเอื้อย ค้าขายคล่องตัวมีกำไร ขายดิบขายดีเช่นเดียวกัน ในวันที่เทรนด์ของการกินอาหารสตรีทฟู้ดกำลังเป็นที่น่าจับตามอง ทว่า ป้าเอื้อยและขนมจีนของแก เป็นอาหารสตรีทฟู้ด ที่ล่วงหน้ามาราว 40 กว่า ปีแล้ว แต่ในรูปแบบของวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้าน ที่หากินกันได้ในกลุ่มชนชั้นแรงงาน ผมไม่รู้ว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะกล้าเปิดใจให้กับอาหารริมถนนแบบนี้หรือไม่ แต่หากชีวิตของคุณคือการได้ลิ้มลองรสชาติชีวิตใหม่ๆแล้วล่ะก็ ลองเปิดใจรับความธรรมดา คุณอาจจะมองเห็นมุมมองบางอย่างเปลี่ยนไปก็เป็นได้ เพราะหาก ไม่แน่จริง คงไม่ขายมาได้ถึง 40 ปี!! ขนมจีนน้ำยา ประโดก ป้าเอื้อย ถ.อัษฎางค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา บริเวณด้านหน้า ภัตตาคารโภคภัณฑ์ เปิดบริการวันจันทร์ ถึงเสาร์ หยุดทุกวันอาทิตย์ 11.00 น. - 18.00 น. เรื่อง : Jirawat Suttipittayasak ภาพ : Jirawat Suttipittayasak