เมลาโทนิน (N-acetyl-5-methoxy tryptamine) ถูกแยกได้ครั้งแรกจากต่อมไพเนียลหรือต่อมเหนือสมองของวัว จากผลการศึกษาถึงบทบาททางชีววิทยาของเมลาโทนินอย่างกว้างขวาง พบว่า เมลาโทนินให้ผลด้านการรักษาและมีประโยชน์ต่อสุขภาพของมนุษย์ เมลาโทนินนั้นสามารถควบคุมจังหวะทางสรีรวิทยาของมนุษย์ บรรเทาความผิดปกติเช่น อาการเจ็ตแล็กและการนอนไม่หลับ กำจัดอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ในการต้านริ้วรอยและต่อต้านการอักเสบ สามารถต้านมะเร็ง นอกจากนี้ เมลาโทนินยังสามารถป้องกันระบบประสาท ช่วยควบคุมโรคเรื้อรังเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน งานวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้เมลาโทนินในการรักษาโรคปริทันต์ และด้วยผลกระทบเชิงบวกของเมลาโทนินที่มีต่อสุขภาพนี่เอง ที่ทำให้ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา มีอาหารหลากหลายชนิดได้รับการทดสอบเพื่อหาปริมาณเมลาโทนินทั้งในอาหารจากสัตว์และพืชที่กินได้ ซึ่งมีรายงานความเข้มข้นของเมลาโทนินที่แตกต่างกันอย่างมากตั้งแต่ระดับ พิโกกรัมต่อกรัม ไปจนถึง มิลลิกรัมต่อกรัม นอกจากนี้ยังมีรายงานการวิจัยที่ระบุว่าการบริโภคอาหารที่มีเมลาโทนินมากอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยไปเพิ่มความเข้มข้นของเมลาโทนินในซีรั่มและความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระในมนุษย์ ดังนั้นอาหารที่มีเมลาโทนินจึงได้รับความนิยมและถือได้ว่าเป็นสารอาหารเสริมที่มีแนวโน้มดี อาหารที่มาจากสัตว์ พบ ความเข้มข้นของเมลาโทนินในไข่และปลาสูงกว่าในเนื้อสัตว์อื่น อีกทั้งยังตรวจพบเมลาโทนินในน้ำนมแม่ของมนุษย์และในน้ำนมของสัตว์อื่นด้วย ความเข้มข้นของเมลาโทนินยังผันแปรตามเวลา กล่าวคือ ค่อนข้างต่ำในเวลากลางวันและสูงในเวลากลางคืน ระดับเมลาโทนินในนมยังแสดงให้เห็นถึงจังหวะการไหลเวียนของเลือดซึ่งบ่งชี้ว่าการรีดนมตอนกลางคืนอาจเพิ่มประโยชน์ให้แก่น้ำนมเนื่องจากความเข้มข้นของเมลาโทนินอยู่ที่ประมาณสิบเท่าเมื่อเทียบกับที่พบในตอนกลางวัน ธัญพืชส่วนใหญ่ถูกบริโภคไปทั่วโลก จากการตรวจหาปริมาณเมลาโทนินในข้าวโพด 58 สายพันธุ์และข้าวเจ้า 25 สายพันธุ์ พบว่ามีความผันแปรมาก คือ พบในข้าวโพด 0–2034 นาโนกรัมต่อกรัม และในข้าวเจ้า 0–264 นาโนกรัมต่อกรัม นอกจากนี้ ข้าวที่มีสีจะมีปริมาณเมลาโทนินสูงกว่า โดยผลการวิจัยรายงานว่าระดับของเมลาโทนินในข้าวเจ้าสีดำมีมากกว่าในข้าวเหนียวดำเกือบสองเท่า สำหรับธัญพืชอื่นๆ เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโอ๊ต พบว่ามีเมลาโทนินค่อนข้างสูง ผลไม้ที่บริโภคทั่วไปหลายชนิดมักพบเมลาโทนิน แต่ที่พบมากคือ องุ่น เชอร์รี และสตรอว์เบอร์รี โดยสารเมลาโทนินที่พบสูงสุดในองุ่น (Vitis vinifera L. cv. Malbec) 158.9 นาโนกรัมต่อกรัม ในเชอร์รี ( Prunus cerasus L. cv. Balaton) 13.46 นาโนกรัมต่อกรัม และในสตรอว์เบอร์รี (Fragaria ananassa L. cv. Festival) 11.26 นาโนกรัมต่อกรัม เมลาโทนินมีอยู่ในผักทั่วไป โดยพบว่ามีปริมาณสูงในพริกไทย (Capsicum annuum L. cv. F26) 11.9 นาโนกรัมต่อกรัม และในมะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum cv. Bonda) 23.87 นาโนกรัมต่อกรัม พืชตระกูลถั่วและเมล็ดพืชหลายชนิดพบว่ามีเมลาโทนินเกิดขึ้น ในเมล็ดพืชบางชนิดเช่น เมล็ดมัสตาร์ดสีขาวและสีดำเมลาโทนินสูงถึง 189 นาโนกรัมต่อกรัม และ 129 นาโนกรัมต่อกรัม ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนการงอกของพืชตระกูลถั่วและเมล็ดพืชได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มระดับเมลาโทนินได้อย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น ในเมล็ดถั่วเหลืองงอกระดับเมลาโทนินถึงจุดสูงสุดที่ 1.89 นาโนกรัมต่อกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้น 400% เมื่อเทียบกับเมล็ดถั่วเหลืองดิบ ในทำนองเดียวกันพบว่าเมลาโทนินในเมล็ดถั่วเขียวงอกมากกว่าในเมล็ดดิบ 11 เท่า ในพืชตระกูลนัทก็พบเมลาโทนิน โดยพิสตาชิโอ (Pistacia vera L.) ถูกรายงานว่ามีปริมาณสูงสุด (233,000 นาโนกรัมต่อกรัม มีการวิเคราะห์สมุนไพรทางการแพทย์หลายชนิดและบางชนิดมีเมลาโทนินในระดับมากกว่า 1,000 นาโนกรัมต่อกรัม DW เช่น ใน Huang-qin (Scutellaria biacalensis) เมลาโทนินสูงอย่างมีนัยสำคัญถึง 7110 นาโนกรัมต่อกรัม และใน St. John's Wort (Hypericum perforatum) มีความเข้มข้นของเมลาโทนิน 4490 นาโนกรัมต่อกรัมของส่วนดอก และ 1750 นาโนกรัมต่อกรัมของส่วนใบ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรทางการแพทย์ของจีน 64 ชนิด จากทั้งหมด 108 ชนิดที่พบว่า ปริมาณเมลาโทนินมีมากกว่า 10 นาโนกรัมต่อกรัม สำหรับน้ำมันบริโภคนั้น น้ำมันลินซีดที่ผ่านการกลั่นมีปริมาณเมลาโทนิน 0.29 นาโนกรัมต่อกรัม และในน้ำมันถั่วเหลืองบริสุทธิ์พบได้ 0.19 นาโนกรัมต่อกรัม ขอบคุณรูปภาพจาก pixabay.com รูปประกอบที่ 1 / รูปประกอบที่ 2 / รูปประกอบที่ 3 / รูปประกอบที่ 4