9 ทริคเลือกเฉาก๊วยอร่อย นุ่มเหนียว หนึบหนับ ไม่หวานเลี่ยน กดอ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล เฉาก๊วยพร้อมทานเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของกินคลายร้อนที่คนไทยนิยม เนื่องจากเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ กลิ่น รสชาติและคุณค่าทางอาหารที่จะได้รับ ที่ในปัจจุบันนี้การหาซื้อเฉาก๊วยพร้อมทานเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากจนเกินไปนักเมื่อเทียบกับในอดีต และมีรูปแบบของเฉาก๊วยพร้อมทานที่หลากหลายทั้งด้านราคาและแหล่งที่มา แต่คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ก่อนอื่นเลยก่อนที่เราจะไปเพลิดเพลินกับความอร่อยของเฉาก๊วยนั้น สิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญก่อนอันดับแรก คือ การเลือกซื้อเฉาก๊วยพร้อมทานค่ะ ไม่ต้องงงนะคะ เพราะเฉาก๊วยก็เหมือนอาหารชนิดอื่นๆ ที่เราซื้อ ที่ก็ต้องเลือกที่ดีสุด เนื่องจากอาหารเป็นสื่อของความเจ็บป่วยได้นั่นเองค่ะ แล้วมีใครพอจะรู้บ้างไหมคะว่า เฉาก๊วยพร้อมทานที่ว่ามีคุณภาพดี มีมาตรฐานในการผลิต มีสัดส่วนของเฉาก๊วยเป็นหลัก มีลักษณะเป็นแบบไหนกันแน่ หากเรากำลังเลือกซื้ออยู่ จุดไหนต้องสังเกตบ้าง พอจะมองภาพออกไหมคะ? ซึ่งถ้ายังมองไม่ออกเลย ก็จำเป็นต้องอ่านต่อ เพื่อให้รู้แนวทางค่ะ เพราะในบทความนี้ผู้เขียนจะมาส่งต่อเทคนิคดีๆ ให้ทุกคนได้รู้กันนะคะ และต่อไปนี้คือ 9 ทริคเลือกเฉาก๊วย นุ่มเหนียว หนึบหนับและไม่หวานเลี่ยนค่ะ 1. เนื้อสัมผัสยืดหยุ่น เวลาเลือกซื้อเฉาก๊วยพร้อมทาน สิ่งสำคัญที่ควรสังเกตคือเนื้อสัมผัสที่ยืดหยุ่นค่ะ เพราะเฉาก๊วยที่ได้คุณภาพดีจริงๆ เนื้อจะต้องไม่แข็งกระด้างหรือเละยุ่ยจนเกินไป แต่จะมีความหนึบเล็กน้อย ยืดหยุ่นคล้ายเยลลี่ เวลาเคี้ยวแล้วจะรู้สึกเด้งสู้ฟัน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเฉาก๊วยนั้นทำจากส่วนผสมที่ดีและขั้นตอนการทำที่ถูกต้อง ทำให้ได้รสสัมผัสที่อร่อยและสดชื่นกว่า ส่วนวิธีสังเกตง่ายๆ คือลองใช้ช้อนกดลงไปเบาๆ หรือสังเกตจากลักษณะของเนื้อเฉาก๊วยในถ้วย หากดูเป็นทรง ไม่แตกง่าย และมีประกายเล็กน้อย แสดงว่าใช้ได้ค่ะ 2. สีดำเงาไม่ด้านทึบ นอกจากเรื่องเนื้อสัมผัสแล้ว สีของเฉาก๊วยก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ ควรเลือกที่มีสีดำเงา ไม่ด้านทึบ เพราะเฉาก๊วยที่ดีจะมีสีดำเข้มเป็นธรรมชาติ และมีความเงางามเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกถึงความสดใหม่และกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน หากเฉาก๊วยมีสีดำด้าน หรือออกเทาๆ อาจหมายถึงคุณภาพของวัตถุดิบที่ไม่ดี หรืออาจมีการผสมแป้งมากเกินไป ทำให้รสชาติและกลิ่นของเฉาก๊วยไม่เด่นชัดเท่าที่ควร การสังเกตสีจะช่วยให้เราได้เฉาก๊วยที่อร่อยถูกใจ 3. ไม่มีกลิ่นแปลกปลอมหรือสารเคมี เฉาก๊วยที่ดีควรจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นธรรมชาติของเฉาก๊วย หากลองดมแล้วมีกลิ่นเปรี้ยว กลิ่นฉุน หรือกลิ่นเหมือนน้ำยาทำความสะอาด นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนะคะ เพราะอาจเกิดจากการผลิตที่ไม่สะอาด มีการปนเปื้อน หรืออาจมีการใช้สารเคมีบางอย่างเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัวเราแน่นอน การสังเกตและดมกลิ่นก่อนซื้อจึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราได้เฉาก๊วยที่สะอาด คุณภาพดีและอร่อยค่ะ 4. ดูความใสของน้ำที่แช่ อีกจุดที่สำคัญไม่แพ้กันคือความใสของน้ำที่แช่เฉาก๊วยค่ะ น้ำที่แช่เฉาก๊วยควรจะต้องใสสะอาด ไม่มีตะกอนขุ่นหรือมีฟองมากเกินไป เพราะน้ำที่ใสบ่งบอกถึงสุขอนามัยที่ดีในการผลิตและเก็บรักษา ถ้าหากน้ำขุ่นหรือมีสิ่งแปลกปลอมปนอยู่ แสดงว่าเฉาก๊วยไม่ได้ถูกเก็บไว้ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม หรืออาจมีการปนเปื้อนของสิ่งสกปรกในสิ่งแวดล้อม และไปทำให้เฉาก๊วยไม่สดใหม่ และอาจเป็นอันตรายต่อคนที่นำไปกินได้ การสังเกตความใสของน้ำจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเฉาก๊วยที่เรากำลังจะซื้อนั้นสะอาดและเหมาะสมต่อการบริโภคค่ะ 5. มีสปริงตัว รู้ไหมคะว่า สิ่งที่ควรสังเกตเพิ่มเติมคือการมีสปริงตัวของเนื้อเฉาก๊วยค่ะ โดยคำนี้หมายความว่าเมื่อเราลองใช้ช้อนตักหรือกดเบาๆ แล้ว เนื้อเฉาก๊วยจะเด้งกลับคืนรูปเดิมได้ดี ไม่ยุบตัวลงไปหรือเละติดช้อน ถ้าเป็นไปตามนี้ก็แสดงว่าเฉาก๊วยนั้นมีส่วนผสมที่ลงตัวและผ่านการทำที่ได้มาตรฐาน ทำให้เนื้อสัมผัสมีความหนึบแน่น แต่ยังคงความนุ่ม ไม่แข็งกระด้างหรืออ่อนยวบจนเกินไป การที่เฉาก๊วยมีสปริงตัวที่ดีจะทำให้เราได้สัมผัสถึงความอร่อยหนึบหนับเต็มคำ และรู้สึกสดชื่นเมื่อได้ทานค่ะ 6. พิจารณาจากส่วนผสม (ถ้ามี) แน่นอนว่าเวลาเลือกซื้อเฉาก๊วยพร้อมทาน ถ้ามีข้อมูลส่วนผสมให้ดู เราควรพิจารณาตรงนี้เป็นพิเศษค่ะ เพราะเฉาก๊วยที่ดีควรทำจากต้นเฉาก๊วยเป็นหลัก และมีส่วนผสมอื่นๆ ที่จำเป็น เช่น แป้งมัน ที่มักเป็นแป้งมันสำปะหลังหรือแป้งข้าวเจ้า และน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อปรุงรสให้หลีกเลี่ยงเฉาก๊วยที่มีส่วนผสมของสารกันบูด สารเคมีที่ไม่จำเป็นหรือสารให้ความคงตัวมากเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลต่อรสชาติและตัวเราเอง ดังนั้นการตรวจสอบส่วนผสมจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเฉาก๊วยที่เราเลือกนั้นเป็นธรรมชาติและมีคุณภาพต่อการบริโภคค่ะ ยิ่งถ้าเห็นว่าไม่ใส่วัตถุกันเสียหรือสารปรุงแต่งสังเคราะห์ก็ยิ่งดีค่ะ การตรวจสอบส่วนผสมจะช่วยให้เราได้เฉาก๊วยที่อร่อย เหมาะสม และดีต่อตัวเราในระยะยาวนะคะ 7. ไม่ยุ่ยง่ายเมื่อตักหรือตัด คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า สิ่งที่ควรใส่ใจคือเฉาก๊วยต้องไม่ยุ่ยง่ายเมื่อเราตัดหรือตักค่ะ เพราะปกติถ้าเฉาก๊วยดีจริงๆ เนื้อจะมีความยืดหยุ่นและเกาะตัวกันดี เวลาใช้ช้อนตัดหรือตักขึ้นมา จะได้เป็นชิ้นสวยงาม ไม่แตกสลายหรือเละเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งการที่เฉาก๊วยไม่ยุ่ยง่ายนี้ แสดงว่าผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน มีอัตราส่วนของส่วนผสมที่พอเหมาะ ทำให้เนื้อเฉาก๊วยมีความหนึบหนับกำลังดี ไม่ได้ถูกผสมแป้งมากเกินไปจนทำให้เนื้ออ่อนปวกเปียกหรือไม่ก็แข็งกระด้าง การที่เฉาก๊วยไม่ยุ่ยง่ายจึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพที่ดี ทำให้เราได้เฉาก๊วยที่อร่อยและน่ารับประทานค่ะ 8. แหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน ที่เราต้องให้ความสำคัญก็เพราะว่า แหล่งผลิตที่ดีจะมีการควบคุมคุณภาพตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือกวัตถุดิบ การผลิตที่สะอาดถูกสุขอนามัย ไปจนถึงการบรรจุและจัดเก็บ ซึ่งจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเฉาก๊วยที่ซื้อนั้นคุณภาพดี ไม่มีสิ่งปนเปื้อน และมีความเหมาะสมตามที่ควรจะเป็น ให้ลองสังเกตจากฉลากสินค้าที่ระบุข้อมูลผู้ผลิตชัดเจน มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานต่างๆ เช่น อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) หรือ GMP (Good Manufacturing Practice) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวบ่งชี้ว่าเฉาก๊วยชิ้นนั้นผ่านการตรวจสอบมาแล้ว และพร้อมให้เราทานได้อย่างสบายใจค่ะ 9. มีวันหมดอายุชัดเจน หลายคนยังมองภาพไม่ออกว่า การที่ผลิตภัณฑ์มีวันหมดอายุระบุไว้อย่างชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ เป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบของผู้ผลิต และทำให้เรามั่นใจได้ว่าเฉาก๊วยนั้นยังคงสดใหม่และมีคุณภาพที่จะรับประทานนะคะ เพราะถ้าซื้อเฉาก๊วยที่ใกล้หมดอายุหรือไม่มีการระบุวันหมดอายุเลย อาจทำให้ได้ของที่ไม่สด มีคุณภาพลดลง หรือแย่ที่สุดคือเสียแล้ว ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาในร่างกายตามมาได้ การตรวจสอบวันหมดอายุก่อนซื้อจึงเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ช่วยให้เราได้เฉาก๊วยที่อร่อยและหายห่วงค่ะ ก็จบแล้วค่ะ และถ้าจะให้ผู้เขียนสรุปเคล็ดลับในการเลือกซื้อเฉาก๊วยพร้อมทานนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในการนำไปใช้จริง คือ การใช้ประสาทสัมผัสของเราสังเกตให้ครบทุกด้านไปพร้อมๆ กันค่ะ เริ่มจากการสังเกตด้วยตา สีต้องดำเงา ไม่ด้านทึบ และน้ำที่แช่ต้องใสสะอาด ตามด้วยการสัมผัสคือเนื้อต้องยืดหยุ่น มีสปริงตัว และไม่ยุ่ยง่ายเมื่อตัดหรือตัก ปิดท้ายด้วยการดมกลิ่น ต้องไม่มีกลิ่นแปลกปลอมหรือสารเคมี เพราะการที่เฉาก๊วยมีคุณสมบัติเหล่านี้ครบถ้วน มักจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าเฉาก๊วยนั้นมีคุณภาพ สดใหม่ และผลิตได้อย่างถูกสุขอนามัยค่ะ ถ้าหากเราต้องนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ในสถานการณ์จริง แนะนำให้เริ่มต้นจากการมองเห็นก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ มองดูสีของเฉาก๊วยและความใสของน้ำในถ้วย หากผ่านเกณฑ์เบื้องต้นนี้ ค่อยขยับไปสังเกตที่เนื้อสัมผัส เช่น ลองใช้ช้อนกดเบาๆ เพื่อดูความยืดหยุ่นและการคืนตัว หรือลองขออนุญาตผู้ขายตักดูสักนิดเพื่อดูว่ายุ่ยง่ายหรือไม่ และอย่าลืมดมกลิ่นเพื่อตรวจสอบความผิดปกติด้วยนะคะ สุดท้ายหากมีข้อมูลบนฉลาก ให้ตรวจสอบส่วนผสม วันหมดอายุ และแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราได้เฉาก๊วยที่อร่อยและคุณภาพดีที่สุดกลับบ้านไปค่ะ และสำหรับผู้เขียนนั้นก็นำแนวทางในบทความนี้ไปใช้เหมือนกันค่ะ และก็เจอว่ามีเฉาก๊วยพร้อมทานที่ดีจริงๆ จากการนำเทคนิคข้างต้นไปสังเกตก่อนซื้อ โดยการดูสี การสัมผัสเบาๆ เพื่อประเมินเนื้อเฉาก๊วย การจัดเก็บรักษา ความสะอาดโดยรอบ ถ้าซื้อเป็นถุงจะสังเกตในส่วนของรอยแตก รอยรั่วหรือการปนเปื้อนจากที่บรรจุภัณฑ์เสียหายด้วยค่ะ ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำเคล็ดลับดีๆ ในนี้ไปใช้กันนะทุกคน และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและหน้าปกโดยผู้เขียน ออกแบบใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 8 วิธีเลือกอาหารว่าง ให้คุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ 8 วิธีลดผลไม้น้ำตาลสูง มีอะไรบ้าง ทำไงดี กินผลไม้หวานน้อยลง 6 วิธีเลือกน้ำแข็ง มีคุณภาพ แบบไหนดี ดูสะอาด หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !