ทุกๆครั้ง ที่ทาน #Sushiro เสร็จ ก็จะมีการให้รีวิวอาหารและเขียนคำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อแลกกับส่วนลดค่าอาหารในครั้งต่อไป ผู้เขียนก็จะเขียนไปทุกครั้งว่าอยากให้มีเมนูซาซิมิบ้าง ทาง Sushiro น่าจะนำไปทำการบ้านเป็นอย่างดี จนครั้งนี้กับสาขาเปิดใหม่ล่าสุด ที่ #สยามพารากอน เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็ได้จัดเต็มกับเมนูพิเศษอย่าง #ซาซิมิ ครั้งแรกกับเค้าสักที ยังไม่พอ ซูชิทุกคำที่ปั้น จะใช้ #ข้าวสีแดง แบบเดียวกับที่ #ร้านโอมากาเสะ ชอบใช้กันอีกด้วย รสชาติจะเป็นยังไง วันนี้เป็ดน้อยพากินจะรีวิวให้https://food.trueid.net/detail/J2vYJGqpP3PVเมนูทั้งหมดในวันนี้เพื่อนๆ อาจจะสงสัยกันว่า ข้าวสีแดง คืออะไร ทำไมร้านโอมากาเสะชอบใช้กัน โดยปกติแล้ว ข้าวญี่ปุ่นที่นำมาทำซูชิ เวลาหุงจะต้องมีการใส่น้ำส้มสายชูเพื่อฆ่าเชื้อโรคในปลาดิบ ปัจจุบัน น้ำส้มสายชูจะผ่านการกลั่นและกรองจนใส ความเข้มข้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-5% แต่ถ้าย้อนกลับไปสมัยก่อนที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า น้ำส้มสายชูจะใช้วิธีการหมักแบบธรรมชาติ ทำให้ได้ออกมาเป็นสีแดงจนถึงแดงเข้มหรือสีน้ำตาลเข้มก็ยังมี ความเข้มข้นไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อนำมาหุงข้าว เลยทำให้ข้าวสีออกแดงนั่นเอง ข้อดีนอกจากเป็นการฆ่าเชื้อโรคแล้วยังช่วยชูรสชาติปลาได้ดีกว่าแบบใส แต่ก็มีข้อเสียคือ ทานมากๆ อาจทำให้ลิ้นรับรสเพี้ยนได้ ส่วนกระบวนการหมักแบบดั้งเดิมที่ใช้เวลานานกว่า ซับซ้อนกว่า ทำให้ราคาน้ำส้มสายชูสีแดง สูงกว่าแบบใสที่ใช้กันอย่างน้อย 2-3 เท่า ดังนั้นจะเจอแต่ร้านโอมากาเสะเกรดสูงๆ เท่านั้นที่ใช้เจ้าสิ่งนี้ และใช้ข้าวสีแดงให้เหมาะกับวัตถุดิบอย่างไม่พร่ำเพรือข้าวสีแดง Akashari เฉพาะสาขานี้ เท่านั้น!สีของข้าวสีแดง Akashari แบบจริงๆ จะไม่ได้เข้มเหมือนในรูปกลับมาที่ Sushiro สาขาสยามพารากอนกัน ที่นี่ก็เสิร์ฟข้าวสีแดง Akashari เช่นกัน แต่สีจะไม่ได้แดงหรือออกไปทางน้ำตาลเหมือนร้านโอมากาเสะ เหตุผลเดียวกันกับข้างบนนั่นแหละ โดยจะเห็นได้ชัดกับเมนูที่ใช้วัตถุดิบสีขาว อาทิเช่น หมึก โฮตาเตะ และปลาเนื้อขาวต่างๆ อย่างเอนกาวะ วัตถุดิบที่เหมาะกับการทานคู่กับข้าวซูชิสีแดง ก็คือทูน่า แซลมอน และกุ้งมาที่นี่ก็ต้องหยิบซูชิจากสายพานสิเมนูที่อยากให้ลองกันสำหรับข้าวซูชิแดงสำหรับสาขานี้ ก็จะมีโฮตาเตะย่างกับอูนิสดโฮตาเตะย่างกับอูนิสด ราคา 150 บาท เริ่มต้นแบบคลีนๆ นิดหน่อย กับโฮตาเตะเนื้อหนึบมีความหอมจากการเบิร์นด้วย Blow torch นิดหน่อย ท๊อปด้วยอูนิเพื่อเพิ่มความอูมามิ ข้าวจะไม่ได้เปรี้ยวทำให้รสชาติโฮตาเตะชัดเจนชูโทโระกับอูนิสด เด้งๆ อูนิจุกๆชูโทโระกับอูนิสด ราคา 150 บาท วัตถุดิบนี้เหมาะกับข้าวแดงที่สุดแล้ว เพราะมีความเลี่ยนที่ตัดกับความเปรี้ยวของข้าวได้ดี และยังมีความอูมามิจากอูนิอีก ละลายในปากแบบฟินๆกุ้งแดงใหญ่หมักซอสโชยุกับอูนิสด เด้งๆมันๆกุ้งแดงใหญ่หมักซอสโชยุกับอูนิสด ราคา 150 บาท สำหรับคนชอบกุ้ง เมนูนี้พลาดไม่ได้ เนื้อกุ้งจะผ่านการหมักในซอสโชยุ แต่ก็ไม่ได้เค็มอย่างที่คิด มีความหวานมันนุ่มๆ ไม่ถึงขั้นละลายแต่เคี้ยวง่ายเกิน ตัดกับอูนิที่ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นทะเล และข้าวที่มีความเปรี้ยวเฟรชนิดๆมินามิมากุโระอาคามิ บลูฟินทูน่ามินามิมากุโระอาคามิ ราคา 40 บาท ส่วนเนื้อแดงของบลูฟินทูน่าหรือที่ทุกคนรู้จักกันดีว่า อากามิ นั่นเอง รสสัมผัสจะไม่ได้แตกต่างจากอากามิที่เราทานๆ กันสักเท่าไร น่าจะได้ในเรื่องของรสชาติที่เข้มข้นและกลิ่นที่ออกทะเลๆ มากกว่า แนะนำว่าให้ทานวาซาบิตัดเลี่ยนสักหน่อย ส่วนข้าวซูชิสีแดงจะช่วยชูรสชาติของปลาให้ชัดขึ้นโฮตาเตะเมนไทโกะโฮตาเตะย่างซอสเมนไทโกะ ราคา 80 บาท ถ้าหากเวอร์ชั่นท๊อปอูนิ ราคาสูงเกินไป เมนูนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน กลิ่นการเผาชัดเจน หอมกลิ่นไข่เมนไทโกะแบบกรุ่นๆ ตัดกับความนุ่มของโฮตาเตะได้เป็นอย่างดี แนะนำว่าต้องทานพร้อมข้าวจะได้ไม่เลี่ยนจนเกินไป หรือตัดด้วยขิงดองสักชิ้นปลาหมึกมงโกะปลาหมึกมงโกะ ราคา 40 บาท สำหรับใครที่อยากได้ Texture กรึบๆ ต้องสั่งเมนูนี้ ชิ้นนึงจะออกนุ่มๆ เพราะเป็นส่วนเนื้อล้วนและมีความเปรี้ยวของข้าวมาตัดเล็กๆ แต่อีกชิ้น อันนี้จะแล่ส่วนของขอบลูกตาของปลาหมึกมาด้วย ทำให้ได้ความกรึบๆ นั่นเองกรึบๆชิราโกะปลาทาระชิราโกะปลาทาระ และ ตับปลาอังคิโมะ ราคา 60 บาท อยากได้อะไรลื่นๆ นุ่มๆ ตัดกับรสสัมผัสอื่นๆ บ้าง ลองเปลี่ยนมาทาน 2 เมนูนี้กัน รสสัมผัสหลักจะเป็นตัววัตถุดิบ ที่มีความมันๆ ตามด้วยความอูมามิจากสาหร่าย และข้าวสีแดงเพื่อไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป เป็นเมนูที่ควรค่าแก่การใช้ข้าวสีแดงจริงๆอังกิโมะทุกเมนูใช้ข้าวสีแดงทั้งหมดเลยนะนอกจากเมนูก่อนหน้านี้ จะสั่งเป็น ซูชิไก่ทอด เอ็นกาวะย่าง แซลมอนดิบหรือเบิร์น กุ้งหวาน มากุโระ และอื่นๆ ก็จะได้ข้าวซูชิสีแดงเช่นเดียวกัน โดยเริ่มต้นเพียง 40 บาทเท่านั้นซูชิไก่ทอดแซลมอนย่างมากุโระแซลมอนเบิร์นชีสเอ็นกาวะย่างกุ้งหวานPremium Sashimi MORIWASEผ่านเมนูซูชิกันมาแล้ว ก็มาชิมเมนูซาซิมิครั้งแรกของซูชิโระ โดยจะมีเมนูที่ชื่อว่า Premium Sashimi MORIWASE ราคา 890 บาท มีให้ทานเฉพาะสาขาสยามพารากอนเท่านั้น วัตถุดิบตัวท๊อป 5 อย่างของซูชิโระ ประกอบไปด้วย แซลมอน ทูน่าส่วนอากามิ หอยโฮตาเตะ กุ้งแดงไซส์ใหญ่ และอูนิแบบจุกๆ จิ้มกับโชยุ เติมวาซาบินิดหน่อยก็อร่อยแล้ว ติดแค่เรื่องเดียวคืออูนิเริ่มจะคายน้ำออกมา ทำให้ดูไม่ค่อยน่าทานสักเท่าไร แนะนำความอร่อยโดยการทานซาซิมิ คู่กับอูนิทุกคำเนื้อแดงๆ อย่าลืมทานคู่กับอูนิมอซซาเรลล่าชีสเทมปุระปิดท้ายด้วยของหวานเครื่องดื่มรีฟิวทุกเมนูที่รีวิววันนี้ เสิร์ฟความอร่อยแล้วที่ Sushiro สยามพารากอนแล้ว อย่าลืมรีบไปชิม ไปสัมผัสความอร่อยจากซูชิสายพานเจ้าดังจากญี่ปุ่น ที่ขยายไปกี่สาขาก็ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดี หากตามมาทานกันแล้ว ก็สามารถมา Comment หรือแชร์ประสบการณ์ที่ได้จากที่นี่ ใน Comment ด้านล่างรีวิวนี้ กดแชร์แบ่งปันรีวิวนี้ให้กับเพื่อนๆ และอย่าลืมกดติดตามผู้เขียนเพื่อไม่ให้พลาดรีวิวร้านอาหารใหม่ๆ และเป็นกำลังใจให้กับทางเพจได้รีวิวต่อๆ ไปSushiro สาขาสยามพารากอนพิกัด: Siam Paragon ชั้น 4 ติดกับร้านโออิชิแกรนด์ตำแหน่งใหม่เวลาเปิดปิด: 10:00 – 22:00 น. ทุกวันไม่มีวันหยุดFB: Sushiro Thailandบทความที่เพื่อนๆ อาจสนใจShake Shack Thailand เบเกอร์สุดพรีเมี่ยมจากเมกา เปิดทำการแล้วที่ CTWแซนวิชเกาหลีไข่คนนุ่มๆ กับแป้งหอมๆ ใน CenterPoint Siam Square กับ EGGDROPอยากกินจาจังมยอนอร่อยๆ แบบในซีรีย์เกาหลี ร้าน Jaguemsong พร้อมให้บริการหมูกระทะจะเยียวยาทุกสิ่ง หมูกระทะคนรวย ใจกลางสยาม #ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน#บทความดังกล่าวถูกเรียบเรียงและแต่งขึ้นโดยนักเขียนเองทั้งหมด#รูปใดๆที่มีติดภาพบุคคลอื่นผู้เขียนได้ขออนุญาตทั้งหมดแล้ว หิวใช่ไหม อยากหาของกินอร่อย ๆ ใช่หรือเปล่า ส่องร้านเด็ดร้านดังได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !