12 วิธีเลือกสับปะรด รสหวานฉ่ำ อร่อยตามธรรมชาติ | บทความโดย Pchalisa การเลือกสับปะรดสักลูกให้ได้รสชาติหวานฉ่ำอร่อยนั้นไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ เพียงแค่ต้องสังเกตและทำตามเคล็ดลับ ที่จะทำให้เราได้สับปะรดรสชาติดี โดยในบทความนี้ผู้เขียนมีเทคนิคดีๆ มาบอกต่อค่ะ ที่รับรองว่าคุณผู้อ่านจะได้สับปะรดลูกโต เนื้อหวานฉ่ำ กลับบ้านได้อย่างแน่นอน ส่วนจะมีวิธีการอะไรบ้างนั้น อ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ ดังนี้ 1. ดูสี การเลือกสับปะรดลูกดีๆ สักลูก อาจจะดูเป็นเรื่องง่าย แต่ก็มีเคล็ดลับอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ หนึ่งในวิธีสังเกตที่หลายคนนิยมใช้ คือการดูที่สีเปลือกของสับปะรด ซึ่งจะบ่งบอกถึงความสุกงอมและรสชาติได้เป็นอย่างดี ที่โดยทั่วไป แล้วสับปะรดที่หวานฉ่ำจะมีสีเปลือกสีเหลืองทองนะคะ ซึ่งเป็นสีที่บ่งบอกว่าสับปะรดสุกกำลังดี เนื้อในจะหวานฉ่ำและมีรสชาติอร่อยค่ะ แต่ถ้าเปลือกสีเหลืองอมส้ม สับปะรดที่มีสีนี้มักจะสุกงอมเต็มที่ เนื้ออาจจะนิ่มและหวานมาก แต่ก็อาจจะหวานจนเกินไปสำหรับบางคน และสับปะรดสีเขียวปนเหลืองนั้น สับปะรดที่ยังมีสีเขียวปนอยู่บ้าง แสดงว่ายังไม่สุกเต็มที่ เนื้ออาจจะแข็งและเปรี้ยวเล็กน้อย แต่ถ้าเก็บไว้สักระยะ ก็จะสุกหวานได้ค่ะ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงสับปะรดที่มีเปลือกสีน้ำตาลเข้ม: มักจะสุกเกินไป เนื้ออาจจะเละและมีรสชาติไม่อร่อย 2. ดมกลิ่น กลิ่นของสับปะรดที่หวานฉ่ำ นั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เราเลือกซื้อสับปะรดได้อย่างถูกใจเลยค่ะ โดยปกติแล้วสับปะรดที่สุกกำลังดีและมีเนื้อหวานฉ่ำ จะมีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัว ดึงดูดใจ ดังนี้ค่ะ กลิ่นหอมหวาน: เป็นกลิ่นที่ชัดเจนที่สุดของสับปะรดสุก ยิ่งกลิ่นหอมชัดเจนเท่าไหร่ ก็ยิ่งบ่งบอกว่าสับปะรดนั้นสุกกำลังดีและมีเนื้อหวานฉ่ำ กลิ่นหอมอมเปรี้ยวเล็กน้อย: บางครั้งอาจจะได้กลิ่นเปรี้ยวอ่อนๆ ปะปนมากับกลิ่นหวาน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของสับปะรดบางสายพันธุ์ แต่ถ้ากลิ่นเปรี้ยวชัดเจนเกินไป อาจหมายความว่าสับปะรดนั้นสุกเกินไปแล้ว ไม่มีกลิ่น: ถ้าสับปะรดไม่มีกลิ่นเลย แสดงว่ายังสุกไม่พอ เนื้อจะแข็งและเปรี้ยว โดยวิธีดมกลิ่นสับปะรดให้ทำตามนี้ค่ะ ดมที่บริเวณก้นผล: ก้นผลของสับปะรดมักจะมีกลิ่นหอมชัดเจนที่สุดค่ะ ดมที่บริเวณตาสับปะรด: บางครั้งการดมที่บริเวณตาสับปะรด อาจช่วยให้ได้กลิ่นที่ชัดเจนขึ้น ที่ควรเปรียบเทียบกลิ่น จากการลองดมสับปะรดหลายๆ ลูก เพื่อเปรียบเทียบกลิ่น และเลือกผลที่มีกลิ่นหอมชื่นใจที่สุดค่ะ 3. สังเกตตา ตาสับปะรดของสับปะรดที่หวานฉ่ำ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยบ่งบอกถึงความสุกงอมของผลได้นะคะ ตาสับปะรดของสับปะรดที่สุกกำลังดีและมีเนื้อหวานฉ่ำ จะมีลักษณะดังนี้ค่ะ ตาตื้น: ตาสับปะรดจะไม่ลึกและมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป สีสันสดใส: ตาจะมีสีเหลืองอ่อน หรือสีน้ำตาลอ่อน ดูสดใส ไม่ช้ำหรือเสีย: ตาจะไม่มีรอยช้ำหรือรอยเน่าเสีย ตาสับปะรดควรมีขนาดเท่าๆ กัน ตาที่กว้างและเรียบเสมอกันบ่งบอกถึงความหวาน 4. เคาะเสียง เสียงที่ได้จากการเคาะสับปะรดสามารถบอกถึงความสุกของเนื้อได้นะคะ สับปะรดที่หวานฉ่ำและเนื้อนุ่ม เมื่อเคาะแล้วจะให้เสียงที่แตกต่างจากสับปะรดที่ยังสุกไม่พอ หรือสุกเกินไปค่ะ เพราะว่า สับปะรดที่หวานฉ่ำ: เมื่อเคาะเบาๆ จะให้เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ คล้ายกับเคาะวัตถุที่อ่อนนุ่ม หรือมีน้ำอยู่ข้างใน แสดงว่าเนื้อข้างในฉ่ำและนิ่ม สับปะรดที่ยังสุกไม่พอ: เมื่อเคาะจะให้เสียงก้องๆ เหมือนเคาะไม้ หรือวัตถุแข็งๆ แสดงว่าเนื้อข้างในยังแข็ง และอาจจะเปรี้ยว สับปะรดที่สุกเกินไป: เมื่อเคาะจะให้เสียงทุ้ม แต่จะรู้สึกว่าเนื้อนิ่มยวบๆ แสดงว่าเนื้อข้างในอาจจะเละ หรือมีรอยช้ำ ที่ต้องเปรียบเทียบเสียงด้วย โดยให้ลองเคาะสับปะรดหลายๆ ลูก เพื่อเปรียบเทียบเสียง และเลือกผลที่มีเสียงทุ้มนุ่มที่สุดค่ะ 5. สัมผัส เมื่อสัมผัสสับปะรดที่หวานฉ่ำเบาๆ คุณจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล ค่ะ แต่จะไม่นิ่มจนเกินไปจนรู้สึกว่าเนื้อยุบลงไปง่ายๆ นะคะ จะเป็นความนุ่มที่พอดี มีความแน่นของเนื้ออยู่บ้าง แต่ก็ให้ความรู้สึกฉ่ำน้ำ โดยวิธีสังเกตเพิ่มเติม คือ กดเบาๆ: ลองกดที่เปลือกเบาๆ ถ้ารู้สึกว่าเนื้อแน่นแต่กดลงไปได้นิดหน่อย แสดงว่าสุกกำลังดี เปรียบเทียบกับส่วนอื่นๆ: ลองกดเปรียบเทียบกับส่วนอื่นๆ ของผล ถ้าความนิ่มสม่ำเสมอทั่วทั้งผล แสดงว่าสุกทั่วถึงค่ะ 6. ดูน้ำหนัก สับปะรดเนื้อหวานฉ่ำ เมื่อดูน้ำหนักแล้ว จะรู้สึกว่ามีน้ำหนักค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับขนาดของผลค่ะ และเหตุผลว่าทำไมน้ำหนักถึงบอกถึงความหวานฉ่ำได้ นั่นเป็นเพราะว่า น้ำหนักที่มากขึ้น หมายความว่าภายในผลสับปะรดมีน้ำเยอะ ซึ่งน้ำเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นน้ำตาลที่ทำให้รสชาติหวานฉ่ำ สับปะรดที่แห้งหรือ ขาดน้ำ จะมีน้ำหนักเบา และเนื้ออาจจะแข็งหรือแห้ง ไม่ค่อยฉ่ำน้ำนะคะ โดยมีเคล็ดลับเพิ่มเติมว่า ให้เปรียบเทียบน้ำหนักของสับปะรด ที่ต้องลองยกสับปะรดหลายๆ ลูกที่มีขนาดใกล้เคียงกัน แล้วเปรียบเทียบน้ำหนักดูค่ะ ถ้าลูกไหนหนักกว่า ก็มีแนวโน้มที่จะหวานฉ่ำกว่าแน่นอน อีกทั้งยังต้องสังเกตขนาดด้วย เพราะสับปะรดที่อวบอ้วน มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับความยาว มักจะมีน้ำหนักมากกว่า และมีโอกาสที่จะหวานฉ่ำกว่าค่ะ 7. ดูขั้ว ขั้วเป็นส่วนหนึ่งของผลไม้ การที่ขั้วดูสดและแข็งแรง บ่งบอกว่าเนื้อภายในก็ยังคงสับปะรดความสดและแข็งแรงเช่นกัน และการสังเกตขั้วเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยที่ช่วยให้เราคาดเดาความสดและคุณภาพของสับปะรดได้เท่านั้น โดยขั้วสับปะรดควรสด ไม่เหี่ยวหรือเปลี่ยนสีค่ะ 8. ดูใบ การสังเกตใบเป็นเพียงหนึ่งในวิธีการเลือกซื้อสับปะรดที่หวานฉ่ำค่ะ โดยใบสับปะรดควรเขียวสด ไม่เหลืองหรือเหี่ยวค่ะ ที่ควรลองเปรียบเทียบใบของสับปะรดหลายๆ ลูก เพื่อเลือกผลที่มีใบสดที่สุด 9. เลือกพันธุ์ สับปะรดแต่ละพันธุ์จะมีรสชาติและลักษณะแตกต่างกัน ลองสังเกตพันธุ์ที่คุณผู้อ่านชอบและเคยทานแล้วอร่อยค่ะ 10. เลือกตามฤดูกาล เพราะสับปะรดที่ปลูกตามฤดูกาลมักจะมีรสชาติหวานฉ่ำกว่านะคะ 11. เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ควรเลือกซื้อจากตลาดสด ร้านค้า หรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่เชื่อถือได้ เพื่อความสดใหม่และคุณภาพของสับปะรดค่ะ 12. สังเกตความเสียหาย ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสับปะรดไม่มีรอยช้ำ รอยบุบหรือรอยด่าง เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อเนื้อด้านไนของสับปะรด ที่ความอร่อยก็ลดลดลงตามไปด้วย หากมีความเสียดังกล่าวค่ะ และทั้งหมดนั้นคือวิธีการที่ทำให้เราได้สับปะรดคุณภาพดี มีรสชาติอร่อยตามธรรมชาติค่ะ ที่ไม่ได้ยากเกินไปเลยใช่ไหมคะ? ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็มักปรับใช้ข้อมูลเหล่านี้ประจำ และจำเป็นใช้หลายวิธีการตอนต้องไปซื้อสับปะรดเป็นลูกค่ะ ที่ใช้บ่อยคือจะดูสีเปลือกของสับปะรด ดมกลิ่นและบีบดูเนื้อด้านในค่ะ ซึ่งในบางครั้งการเลือกสับปะรดแบบปอกแล้วก็ทำให้เราได้สับปะรดแบบเนื้อหวานฉ่ำได้ง่ายๆ เหมือนกันนะคะ แต่ให้เลือกร้านที่ไว้ใจได้ เพื่อให้ได้สับปะรดที่สะอาดและไม่มีการปนเปื้อนข้ามจากสิ่งแวดล้อมในตอนนั้นค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปกและภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา : พยาบาลศาสตรบัณฑิต (B.N.S.) จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม); M.P.H. (Environmental Health) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ : สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดย Pchalisa https://food.trueid.net/detail/4ovy2mKzmeaj https://food.trueid.net/detail/5LWNkqDGo39n https://food.trueid.net/detail/xBz9vox9A37j เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !