เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ ผู้เขียนมีธุระเดินทางไปอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ และมีแผนจะเดินทางต่อไปจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งการเดินทางช่วงนั้นจวนเจียนจะถึงเวลาของอาหารเย็นแล้ว เราสองคนตายายคุยกันว่าจะหาอะไรกิน ตอนแรกคุณสาถามว่า “เธอ ๆ นางรองมีอะไรกิน” จบคำถามปุ๊บ เหมือนมีคำตอบวิ่งมาให้แบบไม่คิด “ขาหมู” คุณสาเธอก็ทำหน้าหน่าย ด้วยความเป็นคนไม่ชอบกินของมัน เธอจึงบอกว่า “งั้นหาร้านดูดีข้างทางแล้วค่อยแวะก็แล้วกัน” ในใจนี่คิดว่า ดูดีข้างทางคงต้องรอเข้าโคราชแล้วหล่ะเนอะ แต่ผิดคาดพอขับไประหว่างเส้นโชคชัย – เดชอุดม อำเภอหนองกี่ คุณสาผู้ตาไวก็เห็นป้ายข้างทางว่า “ภูธารา กรีนปาร์ค” เธอก็ถามว่าแวะมั้ย ๆ ปากก็ถาม แต่มือที่กุมพวงมาลัยนั่นเลี้ยวรถเข้าไปเรียบร้อยแล้ว สงสัยถ้าไม่หิวก็คงประสงค์เข้าห้องน้ำอย่างแรง จอดรถเรียบร้อยบริเวณลานจอดรถด้านหน้าซึ่งก็กว้างขวางใช้ได้ แต่ถ้าไม่พอ ด้านหลังก็ยังสามารถเอารถเข้าไปจอดได้อีก ด้านหน้าของร้านประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม เราเดินผ่านถนนม่านหมอก ที่ฟุ้งกระจายตลอดทางเดินช่วยให้รู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลายมากขึ้นจนตกลงใจแบบไม่ต้องถามกันเลยว่า เราจะกินข้าวเย็นกันที่นี่แหล่ะ ระหว่างการเดินเข้าไปชมร้านก็รู้สึกว่าหลายจุดยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่ส่วนของคาเฟ่ และร้านอาหารได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยพร้อมกับเปิดให้บริการ เราก็เดินชมร้าน ชมสวนไปเรื่อย ๆ ถึงจะหิว แต่ก็อยากดื่มด่ำบรรยากาศรอบ ๆ ร้านเสียก่อน เดินลึกเข้าไปด้านในผ่านอาคารส่วนคาเฟ่ จะเห็นแนวต้นไม้ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนของฟาร์ม และยังมีทุ่งนาขนาดใหญ่ และมีสะพานให้เดินชม พอดีช่วงเย็นโพล้เพล้ เราเห็นคู่บ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งอยู่ไกล ๆ ก็เลยไม่อยากรบกวน แค่ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศนิดหน่อยแล้วก็เข้าไปสำรวจบรรยากาศในร้าน ในร้านอาหารมีสองชั้น มีทั้งแบบติดแอร์ และแบบอากาศธรรมชาติ เราสองตายายเลือกนั่งชั้นสองเพื่อชมวิว และสูดอากาศธรรมชาติ ซึ่งได้เปรียบตรงที่เราได้นั่งกินข้าวชมพระอาทิตย์ตกดิน และที่น่ารักที่สุดคือ ทางร้านมีปลั๊กไฟให้บริการ ทำให้เราสามารถชาร์ทโทรศัพท์ที่แบตกำลังจะหมดได้พอดีเลย (ต้องขอบคุณในความเอื้อเฟื้อของทางร้านมาก ๆ ค่ะ เพราะว่าการเดินทางรอบนี้ค่อนข้างกระชั้นชิด ไม่ได้เตรียมเรื่องของแบตตารีโทรศัพท์ ถ้าเกิดโทรศัพท์แบตหมดก็จะมีปัญหาเรื่องการติดต่องานอีกหลายที่) น้องพนักงานที่น่ารักเอาเมนูมาให้ พร้อมกับแนะนำเมนูน่ากินหลายเมนู โดยเฉพาะตำภูธารา ที่มีหน้าตาคล้ายตำถาดซึ่งเป็นสูตรของทางร้าน แต่ว่าเรามากันแค่สองคนตายายถ้าสั่งตำถาดมากินก็เกรงว่าจะไม่ได้ลองอาหารอย่างอื่น ก็เลยสั่งอาหารหลาย ๆ แบบ ได้แก่ ข้าวผัดปลาแซลมอน ส้มตำแซลมอน สลัดสันคอหมู และสปาเกตตี้ต้มยำกุ้งซึ่งเลือกได้ว่าจะเอาเผ็ดน้อยหรือเผ็ดปกติ และก็ไม่ผิดหวังกับรสชาติอาหารที่มาเสริฟ ตำแซลมอน ที่จัดจานมาสวยงาม มีเส้นมะละกอกรอบ ๆ กินแกล้มกับปลาแซลมอนสดชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ ส่วนสปาเกตตี้ต้มยำกุ้งสั่งเผ็ดน้อย เส้นเหนียวนุ่ม กุ้งตัวเบ้อเริ่ม เอ้อ นอกจากอาหารที่ร้านยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์ทั้งเบียร์ไทย และเบียร์ต่างประเทศบริการ ส่วนน้ำดื่มก็เป็นของทางร้าน ขวดไม่ใหญ่มาก ขวดนึงรินได้สองแก้ว นอกจากอาหารและเครื่องดื่มทั่วไปแล้ว ทีนี่ยังมีบริการกาแฟ เครื่องดื่มซอฟดริ้งค์อื่น ๆ รวมถึงเบอเกอรีด้วย แต่ว่าเราไปถึงช่วงอาหารเย็น ก็เลยละพวกเบอเกอรีไปก่อน เบ็ดเสร็จมื้อนี้ประมาณ 800 กว่าบาทโดยประมาณ สลัดสันคอหมู หมูหมักรสชาติกลมกล่อมกำลังดี ราคาประมาณ 100++ ตำแซลมอน ที่จัดจานมาสวยงาม ถูกใจแม่มากก็ตรงปลาร้ามีความโหน่งนัว จานนี้ราคาอยู่ที่ 160 บาทค่ะ สปาเกตตี้ต้มยำกุ้ง หน้าตาดี กลิ่นหอมเครื่องแกงแรงมาก รสชาติจัดจ้าน ข้าวผัดปลาแซลมอน อัดแน่นมาด้วยชิ้นปลาแซลมอนทอดเต็มปากเต็มคำ มื้อนี้อิ่มหนำสำราญดีแล้ว คุณแฟนให้จดไว้ในสาราณุกรมร้านอาหารที่ถ้ามาบุรีรัมย์ หรือผ่านเส้นทางนี้ให้เป็นจุดเชคอิน กินอาหาร หรือจิบกาแฟ ส่วนใครที่จะมาลองก็สามารถโทรสอบถาม หรือจองล่วงหน้าได้ที่ 064-9684683 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 - 20.00 น. พิกัด 106 หมู่ 12 ถนนโชคชัย-เดชอุดม ต.ทุ่งกระตาดพัฒนา อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ หรือเพจร้านhttps://www.facebook.com/Phutaragreenpark/ เรื่องและภาพโดยผู้เขียน